ผบช.น. แถลงยืนยัน มีหลักฐาน โตโต้ ทำผิดจริง ไม่มีหมายจับ ก็จับได้

ผบช.น. แถลง สรุปสถานการณ์ม็อบ 6 มี.ค. ยืนยัน มีหลักฐานชัด โตโต้ ทำผิดจริง ไม่มีหมายจับก็จับได้ เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า

วันนี้ (7 มี.ค.64) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ถ่ายทอดสด แถลงเหตุการณ์และความเสียหายจากการชุมนุมในวันที่ 6 มี.ค.64 และเหตุการณ์ที่มีการคุมตัว ปิยรัฐ หรือ “โตโต้” กับพวก หลังตรวจพบ หนังสติ๊ก หัวนอต ระเบิดควัน ในกระเป๋าเป้

โดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.64) ได้มีประชาชนรวมตัวกันทั้งหมด 4 กลุ่ม 1.กลุ่ม REDEM จากแยกลาดพร้าวไปที่ศาลอาญา 2.กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน บริเวณแยกราชประสงค์ 3.กลุ่มเดินทะลุฟ้า บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4.กลุ่มแดงก้าวหน้า จากปทุมธานีมาที่ศูนย์ราชการ

ซึ่งภาพรวมของเหตุการณ์ทั้งหมด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจทั้งหมด 6 ราย และมีผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ปทุมธานีทั้งหมด 18 ราย อีก 27 คนมามอบตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป รถเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำลาย เป็นรถควบคุมผู้ต้องหา 3 คัน รถกระบะสี่ประตู 1 คัน รถบรรทุกหกล้อ 2 คัน และรถบัสอีก 3 คัน

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยถึงกรณีการจับกุมตัว นายปิยรัฐ หรือ โตโต้ พร้อมพวกว่า จากการสืบสวน มีพยานหลักฐานยืนยันว่า นายโตโต้พร้อมพวกมีการนัดหมายรวมตัวกันที่บริเวณอาคารจอดรถชั้น 5 ด้านหลังอาคารเมเจอร์รัชโยธิน กลุ่มนี้มีวัตถุประสงค์ก่อความวุ่นวายในการชุมนุม ตำรวจจึงไปพิสูจน์ทราบ ก็พบนายโตโต้กับพวกจริง ทั้งๆที่นายโตโต้มีการระบุผ่านโซเชียลว่าจะไม่ร่วมชุมนุม ตำรวจเข้าตรวจสอบก็มีการขัดขวางกันตามที่ปรากฏ เบื้องต้น ตำรวจสามารถตรวจค้น หนังสติ๊กจำนวน 15 อัน, หัวน็อต 50 ชิ้น, ลูกแก้ว 300 ลูก, หมวกกันกระแทก 13 ใบ , ระเบิดควัน 30 ลูก, เสื้อเกราะ 10 ตัว, ท่อเก็บแก๊สน้ำตา 1 อัน, โล่ 1 อัน, ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง, ค้อนเหล็ก 1 อัน และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ

ซึ่งกลุ่มของนายโตโต้และพวกเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร ในระหว่างนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนจาก 5 แยกลาดพร้าวมาที่ศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความจำเป็นต้องเข้าจับกุม เพราะเกรงว่าคนกลุ่มนี้จะก่อเหตุความรุนแรงหรือความวุ่นวายในที่ชุมนุม แต่ในระหว่างที่นำตัวผู้ต้องหาออกมาจากที่เกิดเหตุ ก็มีกลุ่มบุคคลเข้ามาชิงตัวผู้ต้องหา ซึ่งก็จะมีความผิดต่อสู้ขัดขวางและช่วยเหลือผู้ต้องหาให้พ้นจากการควบคุม และร่วมกันทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งยังมีทรัพย์สินของราชการและของผู้ต้องหาหลายรายการที่สูญหายไป

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เผยอีกว่า สถานที่ที่นัดชุมนุม ทางตำรวจจะพิจารณาว่าควรจับหรือไม่ควรจับ ซึ่งที่ผ่านมา การจับกุม ก็จะมีกลุ่มมวลชนมาล้อม และเกิดการกระทบกระทั่ง ก็จะมีปัญหา เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงอีก เหตุการณ์การชุมนุมที่หน้าบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 ที่มีความรุนแรง ในครั้งนี้เราจึงตัดสินใจจับกุมและพยายามเอาออกให้เร็วที่สุด ในระหว่างนั้นนอกจากจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินมาจาก 5 แยกลาดพร้าวแล้ว ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ตำรวจได้ป้องกันชุดจับกุม และมีการปะทะกัน ซึ่งมีตำรวจถูกทำร้าย ถูกยิงด้วยลูกเหล็ก ถูกขว้างปาสิ่งของ ตำรวจพยายามทำอย่างละมุนละม่อมที่สุด ก่อนพาตัวผู้ต้องหาออกมา

ส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่า ตอนตำรวจจับกุมนายโตโต้ กำลังอยู่ในห้าง ไม่มีพฤติกรรมจะไปร่วมชุมนุม

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ตำรวจจับกุมในลานจอดรถด้านหลังห้างสรรพสินค้า ซึ่งตรงกับรายงานการสืบสวน และมีข้อบ่งชี้ว่าเขาจะไปร่วมชุมนุม เพราะหากไม่ชุมนุมแล้วจะนำหนังสติก ลูกเหล็ก หัวน็อต ลูกแก้ว ระเบิดควัน ท่อเก็บแก๊สน้ำตา และวิทยุสื่อสารไปด้วยหรือไม่ หรือพกมากินข้าว

ส่วนกรณีการจับกุมแต่ไม่มีหมายจับ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เผยว่า สามารถทำได้ เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า และหลังจากเกิดเหตุ ก็มีผู้มาแสดงตนว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกช่วยเหลือออกจากรถควบคุม 27 คน แต่ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า ตำรวจก็ไม่สามารถแจ้งข้อหากล่าวได้ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ทราบให้แน่ใจก่อนว่า เป็นผู้ต้องหาที่หลุดจากรถควบคุมจริงหรือไม่ ซึ่งระหว่างจับกุม ตำรวจได้ถ่ายรูปการปฏิบัติงานตลอด หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ก็จะมีการดำเนินการต่อไป

เบื้องต้น ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย ยังไม่มีใครได้รับการปล่อยตัว และยังมีผู้ที่หลบหนีอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนที่มาแสดงตัว 27 ราย ก็ต้องพิสูจน์ทราบตามพยานหลักฐานต่อไปหากไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดี ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องจับกี่คน แต่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีความเสียหายของศาลอาญา ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพยานหลักฐานไปถึงใคร ก็ดำเนินคดีทั้งหมด

ด้าน พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. เผยกรณีมีการชุมนุมหน้าศาลอาญาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการบุกรุกสถานที่ราชการ ซึ่งเป็นเขตอำนาจศาล หลังจากนี้ตำรวจต้องประสานกับศาลอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว

สำหรับการรับมือการชุมนุมในวันนี้ (7 มี.ค.64) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ผบช.น. กล่าวว่า ตำรวจไม่ได้ขัดขวางการชุมนุม เพียงแต่เวลาประกาศห้ามชุมนุมเพราะเป็นความผิด ตำรวจก็แจ้งให้ทราบ หากเขาเลิกก็เลิก แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่าการดำเนินการในขณะนั้น จะก่อความวุ่นวาย หรืออาจทำให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับอันตราย เราก็เลี่ยงและมีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป ในเบื้องต้น ตำรวจพยายามรักษาความสงบ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน หรือให้เดือดร้อนน้อยที่สุด ถ้าไม่ผิดก็ไม่ผิด ถ้าผิดก็ดำเนินการตามกฎหมาย

ซึ่งในวันนี้ ก็จะไม่มีการปิดเส้นทางการจราจร ส่วนเรื่องความรุนแรงหรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ถ้าไม่มีการชิงตัวผู้ต้องหาให้พ้นจากการควบคุม ก็ไม่มีอะไรรุนแรงเลย ส่วนจะใช่กลุ่มบุคคลเดียวกับที่ก่อเหตุที่หน้ากรมทหารราบที่ 1 หรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิสูจน์

ส่วนการจับกุมนายโตโต้ในครั้งนี้ จะเป็นการทำให้การชุมนุมมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ผบช.น. เผยว่า การจับกุมในครั้งนี้ ไม่ใช่อยู่ๆ ไปจับเลย แต่มีการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานก่อน และเป็นการตัดสินใจพิสูจน์ ตรวจค้น จับกุม ตำรวจเชื่อว่าการทำเช่นนี้ เป็นการทำให้ความวุ่นวายน้อยลง คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องคงเข้าใจ

ก่อนที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ จะทิ้งท้ายเรื่องสำคัญ 3 เรื่องคือ

1.การชุมนุมในช่วงเวลานี้ ยังเป็นความผิดทางกฎหมาย ผู้ชุมนุมยังไม่สามารถแจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานได้ เนื่องจากมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ

2.ผู้ชุมนุมบางส่วนมีแนวโน้มใช้ความรุนแรง มีการใช้อาวุธในการร่วมชุมนุม อยากฝากเตือนผู้ปกครองและพี่น้องประชาชน ให้พิจารณาในการร่วมการชุมนุม เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

3.ตำรวจจำเป็นต้องรักษากฎหมาย รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม และรักษาความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนส่วนรวม ตำรวจมีหน้าที่ที่จำเป็นต้องกระทำเช่นนั้น อยากให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจในการทำหน้าที่ของตำรวจด้วย