ผู้เสียหาย เตือนภัยผ่าน อีจัน ระวัง บริษัทก่อสร้าง ลวงโลก

นับเป็นอีกกรณีความเสียหาย ที่ต้องเตือนภัยและเฝ้าระวัง วันนี้ ( 21 ก.พ.) ทีมอีจัน ได้ลงพื้นที่ รามอินทรา 65 เพื่อพูดคุยกับผู้เสียหายรายหนึ่ง ที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย จากผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ทิ้งงาน และภาระหนี้สินในการทำบ้านไว้

นายชาญฤทธิ์ อินลี ผู้เสียหายที่ได้ร้อนเรียนผ่านทีมงาน และต้องการเตือนภัยมิจฉาชีพ ได้พาเดินชมตัวบ้าน ที่คะเนด้วยสายตาแล้วนั้น เรียกว่า ก่อสร้างไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นบ้านขนาด 4 ห้อง 2 ห้องน้ำ ชั้นเดียว แต่ในวันนี้ไม่สามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จ แม้จะถึงกำหนดเวลาส่งบ้านมาแล้วนับเดือน

จุดเริ่มต้นของความเสียหาย คุณชาญฤทธิ์ ได้บอกเล่าว่า ตนนั้นต้องการก่อสร้างบ้านพักอาศัยหลังใหม่ ทดแทนบ้านคุณพ่อที่สร้างมาตั้งแต่ช่วงปี 2523-2524 ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม จึงได้ตามหาผู้รับเหมา โดยเลือกเข้าไปค้นหาในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นกลุ่มเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้าน ในงบประมาณไม่เกินหนึ่งล้านบาท

และผู้เสียหาย ก็ได้พบกับบริษัทออกแบบก่อสร้างรายหนึ่ง ซึ่งจากการพูดคุย ก็ตรงตามความต้องการของคุณชาญฤทธิ์ ซึ่งใช้งบประมาณไม่เกิน 650,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวนั้น เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีที่ตั้งอยู่ในจ.นครราชสีมา

เมื่อมีการพุดคุยกันจนเข้าใจในรายละเอียดแล้ว จึงมีการนัดทำสัญญาจ้างเหมากับบริษัทดังกล่าว ซึ่งเจ้าของบริษัทนั้น เป็นหญิงสาว 1 คน และ ทอมบอย 1 คน ได้มาเซ็นสัญญากับทางคุณชาญฤทธิ์ โดยลงนามกันในวันที่ 21 สิงหาคม 2563 ในสัญญาระบุว่า ต้องก่อสร้างให้เสร็จภายใน 6 เดือน และมีการแบ่งจ่ายเงิน 5 งวดด้วยกัน

คุณชาญฤทธิ์ เล่าต่อไปว่า ในการจ่ายเงินงวดแรก วันที่ 9 ก.ย. 2563 การก่อสร้าง ก็ยังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่มาเริ่มผิดปกติ ในการก่อสร้าง เมื่อได้จ่ายเงินงวดที่ 2 ซึ่งการดำเนินงานเป็นไปอย่างล่าช้า การสั่งซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง รวมทั้งค่าแรงของช่างก่อสร้าง เริ่มไม่เป็นไปตามอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อติดตามงานก็มักไม่ค่อยรับโทรศัพท์ ไม่ค่อยอ่านไลน์

และในเรื่องช่างก่อสร้างนั้น ก็นับเป็นเรื่อองผิดสังเกตอีกหนึ่งอย่าง คุณชาญฤทธิ์บอกว่า มีการเปลี่ยนช่างก่อสร้างบ่อยครั้งมาก กว่าบ้านของเขาจะขึ้นมาถึง 70 เปอร์เซ็นต์นั้น ต้องใช้ช่างไปถึง 4 ชุดด้วยกัน และมีช่างเวียนเข้ามาดูไซต์งานไม่ต่ำกว่า 10 ชุด

จนเมื่อเข้าถึงเดือนธันวาคม 2563 การก่อสร้าง แทบไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เริ่มมีการติดค้างค่าจ้างช่าง รวมทั้งสั่งของในการก่อสร้างล่าช้า และโยนว่าเป็นที่ผู้ว่าจ้าง และความผิดปกติอีกประการ คือ การระบุค่าปรับ ที่ มีเขียนในสัญญาว่า วันละ 300 บาทต่อวัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น จะต้องนำค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดมาคำนวณ

และที่แปลกกว่าผู้รับจ้างรายอื่นคือ หญิงสาวที่อ้างเป็นเจ้าของบริษัท มักจะชอบยืมเงินผู้ว่าจ้าง โดยให้เห็นผลว่า ญาติผู้ใหญ่เสียชีวิต แล้วจะใช้คืนในไม่กี่วัน หรือให้นับไปหักยอดจากเงินค่างวดในการจ่ายค่างวดการก่อสร้างรอบต่อไป

รวมทั้ง บริษัทดังกล่าวนั้น เพิ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทได้ไม่นาน ทุนจดทะเบียน ไม่เกิน 1 ล้านบาท เท่านั้น

จนเมื่อหลายอย่างผิดสังเกตมากขึ้น คุณชาญฤทธิ์ จึงเริ่มตามหาข้อมูลและประกาศตามกลุ่มรับก่อสร้างบ้าน ไม่นาน ปรากฏว่า มีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากผู้รับเหมา บริษัทนี้ หลายรายด้วยกัน และแต่ละคน มีทั้งเป็นผู้ว่าจ้าง ช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมทั้งร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ต่างถูกบริษัทดังกล่าว โดยเจ้าของที่เป็นผู้หญิงรายนี้ ทำการหลอกในลักษณะดังกล่าว และทิ้งงานก่อสร้างไป จำนวนไม่น้อย เมื่อทำการตั้งกลุ่มไลน์ เพื่อพูดคุยกันนั้น พบว่า มีผู้เสียหายหลัก จำนวน 15 ราย

เมื่อคุณชาญฤทธิ์ เปิดภาพห้องไลน์ให้ดูนั้น พบว่า บ้านหลายๆหลัง มีหลายเจ้า มีลักษณะการก่อสร้างแบบเดียวกับเขา คือ สร้างไปครึ่งหนึ่ง แล้วก็ไม่ดำเนินการต่อ หรือบางราย ซึ่งผู้เสียหายอยู่ในจ.นครนายก บ้านขึ้นประตูกระจกแล้ว แต่ก็ค้างไว้พียงแค่นั้น ขณะที่ผู้เสียหายอีกส่วนใหญ่นั้น จะอยู่ในจ.นครราชสีมา ก็จะโดนกระทำในลักษณะไม่ต่างกัน

เมื่อตรวจสอบที่ตั้งของบริษัท คุณชาญทธิ์ บอกว่า เป็นเพียงบ้านเลขที่ของแฟนเก่า ผู้หญิงผู้ก่อเหตุ ส่วนอีกสถานที่เป็นเพียงบ้านเช่าเท่านั้น

การดำเนินการเท่าที่คุณชาญฤทธิ์ทำได้ในตอนนี้ ก็คือการแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันและร้องทุกข์กับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เท่านั้น

และได้ฝากเตือนผู้อ่านว่า หากจะสร้างบ้านนั้น ต้องเลือก บริษัทก่อสร้างที่มีความน่าเชื่อถือ มีทุนจดทะเบียนสูง จะทำให้มีความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจมากกว่า

และไม่ต้องมาเสียความรู้สึก กับ เสียเวลาในการติดตาม ทั้งเงิน บ้าน และตัวผู้ก่อเหตุแบบตน ….