พิษการพนัน-ยาเสพติด ทำ อดีตนักกีฬา ยูยิตสูสายดำ เหรียญทองระดับชาติ คิดสั้น บุกชิงทอง ในห้าง จ.พิษณุโลก
วันนี้ (4 พ.ค. 64) ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พร้อม พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก แถลงผลจับกุม ผู้ต้องหา ที่ชิงทองหนัก 7 บาท จากห้างทองหวังโต๊ะกัง เยาวราช กลางห้างเทสโก้โลตัส สาขาโคกช้าง เมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 ที่ผ่านมา
โดยผู้ต้องหาคือ นายเต้ย อายุ 27 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ดีกรีอดีตนักกีฬายูยิตสูสายดำ ทีม จ.พิษณุโลก เจ้าของเหรียญทองระดับชาต ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากติดพนันออนไลน์ ต้องการหาเงินไปใช้หนี้ และไปซื้อยาเสพติด
โดยตำรวจสามารถจับกุมได้พร้อมของกลาง ทองคำรูปพรรณหนัก 2 บาท จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก 150ไอ สีดำส้ม เสื้อผ้าที่ใส่ก่อเหตุ แบตเตอเลี่ยนที่ใช้ตัดผมเพื่อหลบหนี และหมอนข้างที่ใช้ซุกซ่อนทอง
โดยนายเต้ย ให้การว่า ก่อนหน้านี้เคยไปดูลาดเลาที่ร้านทองชั้น 2 ของ ห้างเทสโก้โลตัสสาขาท่าทอง แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางในเมือง หลบหนีลำบาก จึงเปลี่ยนไปดูลาดเลาถึง 3 ครั้ง ที่ห้างทองหวังโต๊ะกังเยาวราช ห้างเทสโก้โลตัส สาขาโคกช้าง ก่อนตัดสินใจชิงทองหนัก 7 บาท ดังกล่าว
หลังจากลงมือก่อเหตุแล้ว ได้หลบหนีไปทางเส้นสี่แยกอินโดจีน เข้าเส้นทาง ต.บึงพระ-วัดหล่ม ไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายระหว่างทาง และสวมป้ายทะเบียนรถใหม่ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ แล้วขับรถไปขายทองจำนวน 5 บาท ที่ร้านทองแถว ต.วังน้ำคู้ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้เงินประมาณ 120,000 บาท ซึ่งร้านทองที่ไปขายทองนั้นอยู่ห่างจากห้างฯโลตัส สาขาโคกช้างที่ก่อเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร
จากนั้นก็ไปซื้อ แบตเตอเลี่ยน มาโกนผมให้เกรียนและไปเช่าห้องพักรายวันอยู่ก่อนที่จะโดนตำรวจรวบตัวไว้ได้เมื่อคืนนี้ (3 พ.ค. 64) พร้อมกับสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ที่ซุกซ่อนไว้ในหมอน โดยสารภาพว่าเงินบางส่วนที่ได้จากการขายทองได้นำไปใช้หนี้บ้างแล้ว สำหรับเรื่องที่จะซื้อทองไปแต่งงาน เป็นเรื่องที่กุขึ้นเพื่อให้พนักงานตายใจและก่อเหตุได้สะดวก
นอกจากนี้นายเต้ย ได้กล่าวขอโทษที่ก่อเหตุเพราะตัวเองติดหนี้พนันออนไลน์จำนวนมากและทางบ้านไม่ทราบเรื่อง รวมทั้งติดยาเสพติด ใจจริงไม่ได้ตั้งใจแต่ต้องหาเงินใช้หนี้ และไปใช้เสพยาเสพติด
ด้าน พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 2 พฤษภาคม 2564 ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ก็ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ ที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อเก็บรอยนิ้วมือแฝง
หลังจากนั้นก็ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่ก็ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี เป็นถนนเส้นบายพาสแยกอินโดจีน สามารถหลบหนีได้หลายเส้นทาง จึงใช้เวลาไล่กล้องวงจรปิดตลอดทั้งเส้นทาง จนสามารถทราบว่าคนร้ายหลบหนีเส้นทางไหน ไปที่ไหนบ้าง จึงสามารถรวบตัวได้คาห้องพักรายวันพร้อมของกลางดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพหมดแล้ว
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีในความผิดฐาน ลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร
