รวบแล้ว แท็กซี่มหาภัย เจ้าตัวสารภาพ กระชากแมสก์สาว เพราะคิดว่าคนรู้จัก

ตำรวจรวบ แท็กซี่มหาภัย เจ้าตัวสารภาพ กระชากแมสก์ เพราะคิดว่าคนรู้จัก พนักงานอัยการส่งตัวฟ้องศาลแขวงพระนครใต้ พิพากษาจำคุก 15 วัน ปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี

จากกรณีสาวโพสต์ อุทาหรณ์ แท็กซี่มหาภัย กระชากแมสก์ ด้านโซเชียลแห่แฉพฤติกรรม ทั้งหญิงชายเจอหมด ถูกพูดจาลวนลาม ทำร้ายร่างกาย ขู่เอาเงิน ใครเจอต้องระวัง !

อ่านข่าวเก่า หนุ่ม-สาวโพสต์ อุทาหรณ์ แท็กซี่มหาภัย ใครเจอต้องระวัง !

ล่าสุด วันนี้ (14 มิ.ย.64) พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชากาตำรวจนครบาล กล่าวถึงความคืบหน้า โดยเมื่อเวลา 15.30 น. ตำรวจ สน.พระขโนง สามารถควบคุมตัว แทกซี่รายนี้ได้แล้ว ทราบชื่อภายหลังว่า ชื่อว่า นายนานา อายุ 46 ปี ส่วนที่ว่ามีปัญหาทางจิตหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ต้องรอการตรวจสอบหลังจากนี้ แต่ยืนยันว่าผู้ต้อองหารายนี้ก่อเหตุหลายท้องที่มากกว่าที่ออกข่าว ส่วนรถที่ก่อเหตุเป็นรถที่เช่ามา

ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.64 สน.พระโขนง ได้รับแจ้งจาก น.ส.มาณิตา อายุ 25 ปี ว่าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 19.48 น. ขณะยืนรอรถโดยสารที่บริเวณป้ายหยุดรถประจำทางใต้ BTS อ่อนนุช แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ได้มีรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ทะเบียน มช 9648 กรุงเทพมหานคร เข้ามาจอดเทียบข้าง จากนั้นคนขับรถแท็กซี่ เป็นชายอายุ ประมาณ 46 ปี

ได้ลงจากรถแล้วมากระชากแมสก์ที่ผู้แจ้งสวมใส่อยู่ขาดออก เป็นเหตุให้บริเวณลำคอด้านหน้าของผู้แจ้งมีรอยเล็บข่วนเป็นแผลได้รับบาดเจ็บ หลังก่อเหตุชายดังกล่าวได้ขับรถหลบหนีไป จึงได้มาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.พระโขนง ตาม ปจว. ข้อที่ 25 ลงวันที่ 9 มิ.ย.64 เวลา 21.09 น.

หลังจากเกิดเหตุ ผกก.สน.พระโขนง ได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวน พร้อมกำลังร่วมออกตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิด

ต่อมาวันที่ 14 มิ.ย.64 ได้สืบทราบว่าผู้ต้องสงสัย มีลักษณะคล้ายบุคคลที่ปรากฏในคลิป VDO ที่ปรากฏในเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ไว้ จากการสืบสวนทราบว่าบุคคลดังกล่าว ชื่อ นายนานา อายุ 46 ปี มีอาชีพขับรถแท็กซี่ จึงได้สืบสวนและติดตามหา จนพบรถแท็กซี่ทะเบียน มช 9648 กทม. คันที่นายนานา ใช้ขับรับส่งผู้โดยสารทั่วไป ที่บริเวณปากซอยงามวงศ์วาน 53 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จึงได้เเสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสอบถามนายนานา เกี่ยวกับเหตุดังกล่าว

นายนานา รับว่าเป็นคนขับรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง คันที่ใช้ก่อเหตุ และเป็นคนก่อเหตุในวันดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง จึงได้เชิญตัวมาที่ สน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยทันทีที่มาถึง นักข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวพยายามอ้างว่า รู้จักกับผู้เสียหาย มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ตนเองเคยถูกทำร้ายร่างกายมาก่อน (แต่ในขณะที่ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยรู้จักคนขับแท็กซี่รายนี้มาก่อน)

ส่วนกรณีอื่นๆ เช่น การขู่กรรโชกทรัพย์ หรือการพาผู้หญิงเข้าม่านรูด เจ้าตัวปฏิเสธ บอกไม่เคยก่อเหตุขึ้น ขอยอมรับแค่เรื่องทำร้ายร่างกายเพียงเรื่องเดียว ตอนนี้ไม่ได้เครียดอะไร

หลังจากสอบปากคำเสร็จ ขณะที่ตำรวจกำลังนำตัวผู้ต้องหาออกจากห้องสอบสวน เพื่อไปขึ้นรถฝากขัง นักข่าวพยายามสอบถามอีก ผู้ต้องหาบอกว่า ภายในห้องสอบสวน มีการขอโทษผู้เสียหายไปแล้ว และทำการตบหน้าตัวเองต่อหน้าผู้เสียหายอย่างแรง จำนวน 4 ครั้ง เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ แต่เจ้าตัวยังคงยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เพียงแต่จะดึงหน้ากากอนามัยออก เพื่อให้ดูหน้าชัด ๆ ว่าเป็นคนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ จึงทำให้เล็บไปข่วนถูกคอผู้เสียหาย ขณะที่นักข่าว ถามอีกว่า ผู้เสียหาย ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักกับผู้ต้องหา ซึ่งคนขับแท็กซี่รายนี้ เงียบไม่ตอบคำถามอีกเลย

ด้าน พ.ต.อ.วชิรกรณ์ วงศ์บุญ ผู้กำกับการ สน.พระโขนง เปิดเผยว่า ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ว่ากระชากหน้ากากอนามัยของหญิงสาวผู้เสียหายจริง ที่ทำไปเพราะเข้าใจผิด คิดว่า ผู้เสียหาย เป็นผู้หญิงที่ตนเองรู้จัก ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังสามารถพูดจาโต้ตอบ ให้ข้อมูลได้ และไม่มีท่าทีวิกลจริตแต่อย่างใด ส่วนรถที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็นรถแท็กซี่เช่าวันละ 350 บาท ตำรวจไม่ได้ทำการตรวจยึดไว้ โดยจะนำส่งคืนเจ้าของรถต่อไป

ส่วนพฤติกรรมการขับขี่ และ ลักษณะนิสัยของผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อผู้โดยสาร หรือสาธารณะ ทางกรมขนส่งทางบกจะเป็นผู้พิจารณาฐานความผิดอีก เนื่องจากอยู่ในอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาให้ทราบว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงนำตัวไปส่งพนักงานอัยการฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาจำคุก 15 วัน ปรับ 1,500 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญามีกำหนด 2 ปี

ทั้งนี้ ในส่วนกรณีที่นายนานา อาจจะได้กระทำความผิดลักษณะเดียวกันหรือใกล้เคียงกันในพื้นที่อื่น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.ฯ ปฏิบัติราชการ บช.น. สั่งการฝ่ายสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ครบถ้วนทุกเหตุการณ์ต่อไป