ข่าวดีของชาวบัตรทอง
ล่าสุด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับ โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) จัดทำเว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th
เป็นช่องทางเสนอหัวข้อการเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไป และ ให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียเสนอหัวข้อปัญหาเพื่อการปรับปรุงพัฒนาสิทธิประโยชน์บัตรทอง
นั่นแปลว่า ผู้ที่ใช้บัตรทอง สามารถ เสนอความคิดเห็นให้ทาง สปสช. พิจารณาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ที่ตนเองเสนอได้
ที่มาของเว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอกว่า แต่ละปี สปสช.มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ ทั้งเพิ่มสิทธิการรักษาโรคใหม่ๆ เช่น โควิด-19 หรือวิธีการรักษาแบบใหม่ เช่น ผ่าตัดส่องกล้อง ยาใหม่ หรือเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งในอดีตจะใช้วิธีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น
แต่ในปัจจุบัน สปสช.พัฒนาช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th ไลน์ @nhso หรือแม้แต่โทรมาที่สายด่วน 1330 ก็ได้ ทุกข้อเสนอ ทาง สปสช.จะรับฟังและนำไปประมวลว่าจะนำไปสู่การปรับปรุงระบบบัตรทองให้ดีขึ้นได้อย่างไร
“อยากให้ประชาชนสนใจเรื่องสิทธิประโยชน์และเสนอความคิดเห็นเข้ามาเยอะๆ อย่าคิดว่าข้อเสนอของตัวเองคงไม่ได้รับฟังหรือถูกนำไปพิจารณา ผมยกตัวอย่างโควิด-19 ช่วงต้นปีมีประชาชนส่งข้อมูลมาว่าที่ประเทศอังกฤษเขาให้ประชาชนรักษาตัวที่บ้าน เรารับฟังแล้วให้เจ้าหน้าที่หาข้อมูล แล้วก็นำไปหารือกับกรมการแพทย์ จนมีการพัฒนาการจนมาเป็นระบบ Home Isolation ดังนั้นอย่าคิดว่าการเสนอหัวข้อพัฒนาสิทธิประโยชน์บัตรทองเป็นเรื่องไกลตัว วันนี้เรามีช่องทางหลายช่องทาง ผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทุกคนสามารถเสนอเข้ามาได้เลย”
นพ.จเด็จ
ด้าน นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานคณะทำงานด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขในการกำหนดประเภทและขอบเขตบริการด้านสาธารณสุข กล่าวว่า ชุดสิทธิประโยชน์ คือบริการสาธารณสุขพื้นฐานที่ทุกคนต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน การพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์ จะใช้หลักเกณฑ์คือ
1.ต้องมีความคุ้มค่า เช่น ความสามารถในการจ่ายของประชาชนเพื่อให้มีชีวิตต่อไป 1 ปีอยู่ที่ 1.2-1.4 แสนบาท หากยาหรือเทคโนโลยีใหม่มีต้นทุนไม่เกินนี้ถือว่าคุ้มค่า
2.มีความเป็นไปได้ในเชิงงบประมาณ ต้องพิจารณาความสามารถในการจัดงบประมาณสนับสนุนในระยะยาว
3.มีความเป็นธรรม เช่น หากประชากรใน อ.อุ้มผางเข้าไม่ถึงบริการ แต่คนในกทม.เข้าถึงได้ แบบนี้ไม่เป็นธรรม
4.การให้คุณค่าทางสังคม เช่น การบำบัดทดแทนด้วยเครื่องไตเทียม การปลูกถ่ายไต บริการเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ถ้าไม่จัดบริการให้ ประชาชนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงเกินกำลังรักษา สปสช.ก็จะพิจารณาจัดเป็นสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมด้วยเพื่อป้องกันการล้มละลายของครัวเรือน
ต้องมีการศึกษาความคุ้มค่าผลประทบต่องบประมาณ ความเสมอภาคดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องดึงทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน
นพ.สุวิทย์
ด้าน รศ.นพ.เชิดชัย นพมณีจํารัสเลิศ ประธานคณะทำงานคัดเลือกหัวข้อ กล่าวว่า เมื่อมีงบประมาณจำกัด การจะคัดเลือกเทคโนโลยีหรือการรักษาใหม่มาเพิ่มเป็นสิทธิประโยชน์ต้องมีความคุ้มค่า ความคุ้มค่าในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องราคาถูกอย่างเดียว เช่น ยาบางตัวราคาถูกแล้วต้องรักษาต่อเนื่องนาน แต่ยาอีกตัวราคาแพงแต่หายเร็ว คำนวนความคุ้มค่าแล้วอาจจะถูกกว่า ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะมีนักวิชาการมาคำนวนและเสนอให้คณะอนุกรรมการพิจารณา
เมื่อมีผู้เสนอความคิดเนมาแล้วจะมีทีมวิชาการประเมินเบื้องต้นก่อนว่าหัวข้อไหนที่ควรนำไปศึกษาอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ชุดสิทธิประโยชน์ใหม่ โดยใช้เกณฑ์ 5 ข้อ คือ
1.เทคโนโลยีนั้นสามารถใช้กับโรคที่ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก
2.มีหลักฐานว่าให้ผลการรักษาที่ดีมาก เช่น ลดอัตราการเสียชีวิตหรือพิการ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
3.ความเท่าเทียม เช่น หากข้าราชการ ประกันสังคม มีสิทธิการรักษาบางอย่างแล้วบัตรทองยังไม่มี ก็จะมีโอกาสถูกพิจารณาสูง
4.ภาระต่อเศรษฐกิจครัวเรือน หากเทคโนโลยีใหม่ให้ผลการรักษาที่ดีมากแต่ราคาแพงจนอาจกระทบกับเศรษฐกิจครัวเรือน ก็มีโอกาสสูงที่จะนำมาพิจารณา และ
5.จริยธรรม คุณธรรม เช่น กลุ่มเปราะบางหรือเป็นโรคหายากที่มีจำนวนผู้ป่วยน้อย แต่ให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับการดูแล ก็จะมีการพิจารณาด้วยเช่นกัน
ทุกคนคะ สิทธิประโยชน์ของเราควรรักษาไว้ อย่าละเลยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวนะคะ ใครที่ใช้สิทธิบัตรทอง หรือมีญาติพี่น้อง ใช้สิทธิบัตรทองอยู่ตอนนี้ อย่าลืมเข้าไปเสนอสิทธิประโยชน์และเสนอความคิดเห็น ที่ต้องการได้ ทางเว็บไซต์ http://ucbp.nhso.go.th นะคะ