ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา คดีกบฏ สุเทพ กับ พวก 39 คน

ติดตามผลการตัดสิน ! ศาลอาญา นัด สุเทพ และ พวก ฟังคำพิพากษา พรุ่งนี้ ข้อหา กบฏ ล้มล้างการปกครอง

สำหรับคดีดังกล่าวนั้น ทางอัยการโจทก์ ระบุ การฟ้องถึงพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลย โดยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56-1พ.ค.57 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคลชื่อ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพเป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลัง

มีการแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรฐานเป็นกบฏ เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศ ให้กระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบ เพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ออกจากตำแหน่ง

รวมทั้ง ยังได้ทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป ในวันที่ 2ก.พ. 2557 เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีและ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ รวมทั้งยังมีการให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส. อีกทั้งยังมีกรณี กปปส.จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง และมีการจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธ บุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล( บช.น.) สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ นอกจากนี้ ยังมีการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่งเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

ขณะที่ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค.-2 มี.ค.57 พวกจำเลยได้ทำการปิดกรุงเทพมหานคร (Bangkok Shutdown) ด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพมหานคร รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152

สำหรับจำเลยคนสำคัญในคดีนี้นอกจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย อดีตเลขาธิการ กปปส.ยังมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยา, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัล, นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ,

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายพิภพ ธงไชย, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นายสุริยใส กตะศิลา, นายสาธิต เซกัล หรือเซกัลป์, นายสำราญ รอดเพชร, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมบูรณ์ ทองบุราณ, น.ส.รังสิมา รอดรัศมี และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศข่าวช่อง ท็อปนิวส์