เปิดใจ เจ้าสาวเสียโฉม สู้คดี 7 ปี รถสิบล้อพุ่งชน เผาเธอทั้งเป็น

กว่าจะผ่านมาได้! เปิดใจ เจ้าสาวเสียโฉม สู้คดี 7 ปี รถสิบล้อพุ่งชน เผาเธอทั้งเป็น ชีวิตสุดทรมาน

กว่าชีวิต…เจ้าสาวพิการ เสียโฉม จะมาถึงวันนี้ เธอผ่านช่วงเวลาชีวิต ที่เหมือนตายทั้งเป็น!

4 ปี พิสูจน์รักแท้ เปิดเส้นทางรัก เจ้าสาวเสียโฉม กับ เจ้าบ่าว

หลายคนคงได้อ่านเรื่องราว ความรักของ เจ้าบ่าว แต่งงาน เจ้าสาวพิการ เสียโฉม กันไปแล้วนะคะ แต่วันนี้อีจันจะพาไปรู้จัก เจ้าสาว น.ส.อรธีรา รสหอม หรือ พี่ส้ม อายุ 26 ปี เธอได้ต่อสู้ กับโชคชะตาชีวิต ที่โหดร้าย

ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ตอนนั้น เธออายุ 13 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 เธอเป็นเด็กสาว รักสวยรักงาม หน้าตาน่ารัก เรียนดี

แต่แล้ว…วันที่ 11 ตุลาคม 2551 เธอและเพื่อน ได้เจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้าย รถสิบล้อผ่าไฟแดงพุ่งชน รถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ตัวเธอกระเด็น ไปติดกับท้ายรถสิบล้อ และถูกลากไปไกลกว่า 200 เมตร

เคราะห์ร้าย รถมอเตอร์ไซค์ระเบิด ทำให้เธอถูกเผาทั้งเป็น

และที่เธอเสียใจมากที่สุด คือ เพื่อนรักเสียชีวิต

สภาพตอนนั้นเธอเหมือนมัมมี่ ถูกพันทั้งตัว นอนสลบอยู่โรงพยาบาล 9 วัน 9 คืน หมอบอกกับแม่ว่า “ลูกมีโอกาสรอดเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ ต้องผ่าตัด 20 – 30 ครั้ง ลูกอาจจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว”

จากเด็กสาว ร่างกายปกติ ต้องกลายเป็นคนพิการ เสียโฉม ถูกตัดขาขวา ตัดหูขวา ตัดมือซ้าย ต้องขูดเนื้อตายถึงกะโหลก

ตอนนั้น เธอเจ็บปวดทรมาน จนคิดไม่อยากชีวิตอยู่แล้ว และบอกแม่ว่า “แม่ปล่อยให้หนูตายไปเลยก็ได้ หนูไม่อยากทรมานแบบนี้ และไม่อยากให้พ่อแม่ต้องลำบาก

แต่แม่บอกกับเธอว่า…“อีกครึ่งชีวิตหนึ่งที่เหลืออยู่ ให้แม่ได้มั้ย” คำพูดนี้เปลี่ยนความคิด ของเธอไปเลย

และเธอเกือบจะต้องเสียมือขวา…ไปอีกหนึ่งข้าง แต่โชคดีที่อาจารย์ เข้าไปคุยกับหมอ ขอให้หมอ รักษานิ้วที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุด อาจารย์อยากให้เธอ มีนิ้วเหลือไว้ เพื่อเขียนหนังสือ

คำขอจากอาจารย์ ทำให้หมอพยายาม รักษาเธอจนสุดความสามารถ และเหลือนิ้ว ด้านขวา ไว้ 3 นิ้ว ซึ่งก็ทำให้เธอเขียนหนังสือได้

ถึงวันที่เธอกลับบ้าน ก็ต้องรักษาตัวนานหลายเดือน ครั้งแรกที่ได้ใส่ขาเทียม เธอรู้สึกดีใจมาก เพราะกลับมาเดินได้อีกครั้ง

พอวันที่ต้องกลับไปเรียน ด้วยสภาพที่เธอเป็น ตอนนั้นกลัวไปหมด ตอนเช้าก็ให้แม่ไปส่งที่โรงเรียน หลังเคารพธงชาติเสร็จ เพื่อหลบสายตาคน

พอตอนเที่ยง ก็ได้แต่นั่งหลบอยู่บนห้อง วานให้เพื่อนช่วยซื้อข้าวมาให้กิน

จนถึงวันหนึ่ง ครูถามว่า “พร้อมมั้ย ที่หนูจะกล้ามาเข้าแถวกับเพื่อน เพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่าหนู คือ ส้ม หนูจะได้ไม่ต้องรู้สึกกลัวอีกต่อไป”

เธอสละความกลัว และพร้อมเผชิญความจริง เมื่อเธอลงไปเข้าแถว และใช้ชีวิตในโรงเรียน แบบไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป กลายเป็นว่า เธอได้กำลังใจมากมาย จากครู และเพื่อนๆ ในโรงเรียน

และนั่น คือ จุดเปลี่ยน ทำให้เธอกลับมาใช้ชีวิต ได้เหมือนเดิม

เมื่อเธอเรียนจบ ม.3 ก็ได้เรียนต่อ ปวช. ปวส. และ มหาวิทยาลัย จนจบปริญญาตรี แต่ในระหว่างที่เรียนอยู่ เธอต้องเรียนด้วย ทำงานด้วย เพื่อหาเงินช่วยพ่อแม่

เพราะตั้งแต่วันที่เธอประสบอุบัติเหตุ พ่อแม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หาเงินมารักษาเธอ เพียงแค่ 8 วัน ที่เธออยู่โรงพยาบาล เสียเงินไป 300,000 บาท และแม่ต้องยอมลาออกจากงาน เพื่อมาดูแลเธอ

ส่วนเรื่องคดี ตอนแรกแม่เรียกค่าเสียหายไป 10 ล้าน แต่เจ้าของรถสิบล้อ ไม่ยอมจ่าย

ส่วนคนขับยอมติดคุก

แม่ต้องเสียเงินจ้างทนายเพื่อสู้คดี ไกล่เกลี่ยกันหลายครั้ง จนลดมาเรื่อยๆ จาก 10 ล้าน เหลือ 5 ล้าน และเจ้าของรถสิบล้อ ขอต่ออีกเหลือ 6 แสน ตอนนั้นเธอถึงกับ ร้องไห้ออกมาเลย เพราะมันไม่ยุติธรรมกับเธอ

กระทั่งไกล่เกลี่ยกัน จนมาจบที่ 1 ล้านบาท เจ้าของสิบล้อ จ่ายเงินก้อน จำนวน 2 แสน มา 2 ครั้ง และขอผ่อนเดือนละ 15,000 บาท จนครบ 7 ปี

เงิน 1 ล้าน กับชีวิตของเธอ ที่ต้องกลายเป็นคนพิการ เสียโฉม อนาคตที่เธออยากเป็นหมอต้องจบลง เงินจำนวนเท่านี้ มันแลกกันไม่ได้เลย

แต่เธอและแม่…ก็สู้มาเต็มที่แล้ว ตลอด 7 ปี เพื่อทวงความยุติธรรม

ตอนนี้เธอ สอบบรรจุ เป็นพนักงานราชการ สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท มาแล้ว 4 ปีกว่า

ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่เธอเป็นคนพิการ เสียโฉม ที่เธอไม่ยอมแพ้ เพราะ…ในเมื่อพ่อแม่ สู้เพื่อเธอมาตลอด เธอจะท้อได้ยังไง

เธอบอกอีกว่า อยากให้ทุกคนมั่นใจในตัวเอง เพราะการเป็นตัวเอง มันดีที่สุดแล้ว

ขอให้พี่ส้ม และ พี่เจมส์ มีความสุขในชีวิตคู่นะคะ