กรมการแพทย์ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการรักษาที่ผิดวิธี และไม่มีมาตรฐานทางการแพทย์ แนะควรเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วย หรือปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์โดยตรง เพราะการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแพทย์ทางเลือกที่มีมาตรฐานเป็นวิธีการรักษาโรค ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าทางเลือกอื่น
เมื่อวานนี้ (10 พ.ค. 65) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่พบชายชราอ้างตัวว่าเป็นเจ้าลัทธิ สำนักหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ มีพฤติกรรมให้ผู้ที่มาอยู่ในสำนักกินอุจจาระ ปัสสาวะ ขี้ไคล เสมหะ และนำสารคัดหลั่งจากซากศพมาทาหน้า โดยอ้างว่าสามารถรักษาสารโรคได้นั้น ขอเตือนว่าสิ่งที่เป็นของเสียจากการที่ร่างกายขับออกมา อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อน ขออย่าหลงเชื่อว่าจะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ เสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ตามหลักวิชาการแพทย์การรับประทานของเสียนั้น ยังไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์ และคลินิกที่น่าเชื่อถือรองรับ ซึ่งหากนำมาใช้โดยไม่ระวังอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย
ปัจจุบันวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจึงมีทางเลือกในการรักษาโรคหลากหลายช่องทาง ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก ดังนั้น จึงควรตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายมุ่งเน้นทางด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟูภาวะความเจ็บป่วย โดยมีโรงพยาบาลที่ให้บริการรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทางแก่ประชาชนอยู่ทั่วประเทศ จึงอยากให้ประชาชนเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วย หรือปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในโรงพยาบาลในพื้นที่ เพราะการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแพทย์ทางเลือกที่มีมาตรฐาน เป็นวิธีการรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากกว่าทางเลือกอื่น
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวย้ำต่อไปว่า สำหรับวิธีรักษาโรคที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด ไขมันสูง กินผักและผลไม้ให้มาก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ตรวจสุขภาพประจำปี ในกรณีหากพบความผิดปกติของร่างกาย ต้องรีบพบแพทย์ใกล้บ้าน และรักษาและปฏิบัติตัวภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข