ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว เสี่ยงเกิดฝนกรด กรมอนามัย แนะชาวบ้านงดรองน้ำใช้

อากาศพื้นที่ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว และโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ เสี่ยงเกิดฝนกรด กรมอนามัย แนะชาวบ้านงดรองน้ำใช้

ไฟมอดแต่มลพิษยังอยู่! ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว

กรมอนามัย เผยว่า พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม หรือโรงงานผลิตเม็ดโฟม บริเวณกิ่งแก้ว 21 การจราจรยังหนาแน่น มีมลพิษทางอากาศ เสี่ยงทำให้เกิดฝนกรด แนะประชาชนงดเก็บน้ำฝน ควรทำความสะอาดหลังคา รางรับน้ำฝนและภาชนะเก็บน้ำให้พร้อมใช้งาน เพื่อป้องกันสารปนเปื้อนในอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

โดยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า พื้นที่ที่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรม การจราจรหนาแน่น หรือมีมลพิษทางอากาศ อาจทำให้น้ำฝนเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและสารเคมีต่าง ๆ โดยเฉพาะก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลคือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และออกไซด์ของไนโตรเจน ที่จะปนเปื้อนกับน้ำฝนที่ตกลงมาเกิดเป็นภาวะฝนกรดคือ มีค่าพีเอชต่ำกว่า 5.6 ที่เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสิ่งก่อสร้างอย่างมาก รวมถึงพื้นที่โรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติกจังหวัดสมุทรปราการที่เกิดการระเบิดจนทำให้เพลิงไหม้โรงงานในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าการตรวจสอบคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษล่าสุดพบว่าคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวยังต้องเฝ้าระวังและงดการรองน้ำฝนไว้ใช้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจากการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำบริโภคในครัวเรือน ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2561-2563) พบว่า น้ำฝนผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำบริโภค กรมอนามัย พ.ศ. 2563 เฉลี่ยร้อยละ 17.4 ส่วนใหญ่มีปัญหาการปนเปื้อนแบคทีเรีย สี ความขุ่น และความเป็นกรด ด่าง ซึ่งเกิดจากการสุขาภิบาลน้ำบริโภคในครัวเรือนไม่ถูกสุขลักษณะ ตั้งแต่การรองรับน้ำฝน การเก็บกักน้ำฝน การดูแลรักษาความสะอาดของภาชนะบรรจุน้ำฝน จนถึงวิธีการนำมาใช้บริโภค

ทั้งนี้ การเก็บน้ำฝนอย่างปลอดภัยจึงไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกในช่วงแรก ๆ ควรปล่อยให้ฝนตกสักระยะหนึ่งก่อน เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศและหลังคาให้สะอาด ส่วนภาชนะใช้รองรับน้ำฝนก็ต้องล้างให้สะอาดปิดด้วยมุ้งพลาสติก และปิดภาชนะให้มิดชิด ไม่เปิดทิ้งไว้ ป้องกันการปนเปื้อนของน้ำที่ใช้บริโภคในครัวเรือน และเพื่อให้มั่นใจก่อนนำน้ำฝนมาดื่มควรนำไปฆ่าเชื้อโรคด้วยการต้มให้เดือดก่อน