ทำอย่างไรให้ร่าเริง สดใส ไม่เครียด เพราะความเครียด ทำให้กังวล ซึมเศร้า และตามมาอีกสารพัดโรค
วันนี้ (2 เม.ย.67) หมอหมู รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือน ระบุว่า วิตกกังวล-ซึมเศร้า ในหญิงอายุน้อย เพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ 2 เท่า
การศึกษาใหม่ที่นำเสนอในการประชุมทางวิทยาศาสตร์ประจำปีของ American College of Cardiology พบว่า ความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าสามารถเร่งการพัฒนาปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดในสตรีวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคนได้
การศึกษานี้ดึงความสนใจครั้งใหม่เกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือดและการดูแลป้องกัน เนื่องจากอัตราปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น และภาวะหัวใจวายกลายเป็นเรื่องปกติในคนหนุ่มสาว ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้ายังแพร่หลายมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโควิด-19
นักวิจัยวิเคราะห์บันทึกสุขภาพของผู้คน 71,214 รายที่เข้าร่วมในช่วงระยะเวลาติดตามผล 10 ปี โดยพบว่า…
1. ผู้ที่มีประวัติวิตกกังวลหรือซึมเศร้าก่อนช่วงการศึกษามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง หรือ โรคเบาหวาน มากกว่าผู้ที่ไม่มีวิตกกังวลหรือซึมเศร้าประมาณ 55%
2. การค้นพบนี้เด่นชัดมากที่สุดในผู้หญิงอายุต่ำกว่า 50 ปี ที่มีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้า ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่มีภาวะสุขภาพจิตเหล่านี้
นักวิจัยได้ตรวจสอบด้วยการสแกนสมอง ผลการวิจัยพบว่าผู้หญิงอายุน้อยที่มีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้ามีกิจกรรมทางประสาทที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการรักษาสุขภาพจิต เช่น ยาแก้ซึมเศร้าหรือจิตบำบัด จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจได้หรือไม่ แต่ชัดเจนว่าผู้ที่มีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้ามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง หรือ โรคเบาหวาน ซึ่งการรักษาด้วยการทานยาสแตตินและยาลดความดันโลหิต สามารถลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลวร้ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บอกได้เพียงว่าพยายามสลัดความเครียดกันทิ้งไปนะคะ