ช็อก! เยาวชน สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่ม 3 เท่า ไร้ความรู้ถึงอันตราย

แพทย์รามาฯ ห่วงเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่ม แนะรัฐบาลใหม่ เร่งให้ความรู้ ปราบปรามจริงจัง หวั่นซ้ำรอยอังกฤษพบเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่ง 3 เท่า ในรอบ 5 ปี

5 ก.ค. 2566 รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยติดตามและเฝ้าระวังอุตสาหกรรมยาสูบ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยถึง

ผลสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าปัจจุบันมี เยาวชนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 9.1% สูบตามเพื่อนสูงถึง 92.2%

และยังมีเยาวชนอีกจำนวนมากที่มีความเข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า

โดยเฉพาะกรณีบุหรี่ไฟฟ้าแบบพอดใช้แล้วทิ้ง ที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีสารเสพติดนิโคตินในปริมาณที่สูงถึงขั้นอันตราย และมีการจำหน่ายแบบผิดกฎหมายในไทยโดยเฉพาะชนิดที่สูบได้ถึง 5000 พัฟฟ์ มีนิโคตินสูงเทียบเท่าบุหรี่ธรรมดาถึง 20 ซอง หรือ 400 มวน ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น เป็นผลจากกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจยาสูบที่พุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนโดยตรง 

**นิโคตินเป็นสารเคมีอันตราย เพียงแค่ 1 ซีซี ก็ทำให้เด็กเล็กเสียชีวิตได้

รศ.พญ.เริงฤดี กล่าวต่อว่า จากรายงานการสำรวจแนวโน้มการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนจากข้อมูลสำรวจเพื่อประเมินผลนโยบายควบคุมยาสูบระหว่างประเทศ (ITC) โดยมหาวิทยาลัยวอร์เตอร์ลู แคนาดา

สำรวจเยาวชนอายุ 16 – 19 ปี รวม 104,467 คน ใน 3 ประเทศ คือ อังกฤษ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2560-2565 พบข้อมูลการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้นจนถึงขั้นวิกฤต  

– อัตราการสูบบุหรี่ธรรมดาในเยาวชนเพิ่มสูงขึ้นจาก 16% เป็น 21%

– เยาวชนมีแนวโน้มสูบบุหรี่ธรรมดาหนักขึ้น ผลสำรวจอย่างน้อย 20 วันในรอบ 1 เดือน  เพิ่มขึ้นจาก 4.3% เป็น 8.9%

– อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนเพิ่มจาก 8% เป็น 24%

–  เยาวชนมีแนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้าหนักขึ้นคือ สูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 20 วันในรอบ 1 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 1.5% เป็น 7.9%

– เยาวชนมีแนวโน้มใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรวมทุกประเภทเพิ่มขึ้นจาก 22% เป็น 36%

– เยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น 19%

– ขณะเดียวกันเยาวชนที่สูบบุหรี่ธรรมดาอยู่แล้ว มีแนวโน้มเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ไฟฟ้าลดลง

– บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนเสพติดนิโคตินหนักกว่าบุหรี่ธรรมดา พบสัดส่วนของเยาวชนที่ต้องสูบบุหรี่ไฟฟ้าภายใน 1 ชั่วโมงหลังตื่นนอนถึง 47%

– เยาวชนส่วนใหญ่ 80% สูบบุหรี่ไฟฟ้ารสชาติผลไม้

– เยาวชนที่รู้สึกว่าตัวเองติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 31% เป็น 57%

– อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบพอดใช้แล้วทิ้ง (disposable pod) เพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 67%

คาดว่าเป็นผลมาจากรัฐบาลอังกฤษมีท่าทีสนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยมักจะถูกเครือข่ายธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ายกมาเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย

ซึ่งจากข้อมูลสำรวจชุดนี้พบว่าอัตราการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนอังกฤษมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นช่วงปี 2560 – 2565 ดังนี้

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ข้อมูลจากการสำรวจยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถถูกจำกัดการใช้เฉพาะผู้ใหญ่ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ตามที่มีเครือข่ายมักกล่าวอ้างได้

แต่ถือเป็นสิ่งเสพติดใหม่ที่พุ่งเป้าไปที่เยาวชนโดยตรง

แม้ในอังกฤษที่ถือว่ามีมาตรการควบคุมและการบังคับใช้กฎหมายดีกว่าไทยก็ยังล้มเหลว นำไปสู่การแสดงออกของนานาประเทศ  ทีมีทีท่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายการสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าของอังกฤษ

“ในไทยมีกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ามักยกอังกฤษเป็นข้ออ้างและบิดเบือนข้อมูลผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในการให้ข้อมูลแก่ฝ่ายบริหาร ผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการต่าง ๆ ในสภาผู้แทนราษฎร

จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ ให้พิจารณาข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบคอบ

พร้อมทั้งให้รับคำแนะนำจากองค์กรด้านสุขภาพระดับโลกอย่างองค์การอนามัยโลก ที่สนับสนุนให้ไทยคงมาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป

พร้อมเพิ่มมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็งสกัดการเข้าถึงของเยาวชนและเร่งให้ความรู้โทษพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง

องค์การอนามัยโลกเพิ่งรายงานว่าปัจจุบันประเทศที่แบนบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มเป็น 37 ประเทศจาก 32 ประเทศเมื่อปี 2564”