กระทรวงสาธารณสุข ร่วมตำรวจ รวบ 3 ผู้ต้องหา ค้ายารักษาโควิดปลอม!

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง รวบ 3 ผู้ต้องหา ค้ายารักษาโควิดปลอม มูลค่ากว่า 10 ล้าน!

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 65 กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแสจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่ามีการ ลักลอบขายยารักษาโควิด ผ่านสื่อออนไลน์แบบผิดกฎหมายจำนวนมาก ซึ่งยาในกลุ่มนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับจาก อย. และผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน รวมถึงการใช้ยาดังกล่าว ต้องได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหรือผลกระทบกับสุขภาพของผู้ป่วย

ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงทำการสืบสวน พบว่ามีการขายยาผ่านสื่อออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆ จึงได้ให้สายลับทำการสั่งซื้อยาดังกล่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย (เฟซบุ๊ก,อินสตาแกรม,ฯลฯ) จำนวน 2 ร้าน เมื่อได้ผลิตภัณฑ์มาแล้วจึงได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ทราบว่าตัวยาจากทั้ง 2 ร้าน ได้ถูกจัดส่งจากสถานที่เดียวกัน เป็นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่เขตวังทองหลาง ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้า

ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวผลการตรวจค้น พบผลิตภัณฑ์ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ดังนี้


1.ยา Monulpiravir ขนาด 200 มก. ยี่ห้อ Mylan จำนวน 1351 กล่อง


2.ยา Monulpiravir ขนาด 200 มก. ยี่ห้อ Azista จำนวน 200 กล่อง


3..ยา Monulpiravir ขนาด 200 มก. ยี่ห้อ XENON จำนวน 300 กล่อง


4.ยา Favipiravir ขนาด 400 มก. ยี่ห้อ XENOn จำนวน 270 กล่อง


รวมของกลางมูลค่าประมาณ 9,500,000 บาท โดยมี นางสาวฉลวยรัตน์ รับว่าเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาข้างต้น มีไว้เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้า จึงได้เชิญตัวไปพบพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. และแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ยา 2510 และยึดผลิตภัณฑ์ยาดังกล่าวไว้เป็นของกลาง

ต่อมาได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบแหล่งที่มา และสถานที่จัดเก็บและกระจายยาดังกล่าว ตำรวจจึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

ต่อมาในวันที่ 2 ส.ค. 65 ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญาตลิ่งชันจำนวน 2 หมาย เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งย่านเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้น พบผลิตภัณฑ์ยา กลุ่มยารักษาผู้ติดเชื้อโควิต 19 และยาอื่นๆ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจำนวน 8 รายการ ประกอบด้วย

1. ยา FAVIKAST ​​ขนาด ๔๐๐ มก. ​​จำนวน ๒๐ กล่อง

2. ยา MOLAZ​​ ขนาดบรรจุ ๔๐ เม็ด​จำนวน ๓๐ กล่อง

3. ยา REDEMSIVIR​100 mg/vial​​จำนวน ๗ กล่อง

4. FABIS SPRAY ​​​​​จำนวน ๗๕ กล่อง

5. ยา MOLNATRIS ​ขนาด ๒๐๐ มก.​​จำนวน ๘๒ กล่อง

6. ยา MOLUZEN ​ขนาด ๒๐๐ มก.​​จำนวน ๓๓ กล่อง

7. MOLCOVIR ​​ขนาด ๒๐๐ มก.​​จำนวน ๓ กล่อง

8. FERAVIR​​ ขนาด ๒๐๐ มก.​​จำนวน ๑๐ กล่อง

รวมมูลค่าของกลางประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งขณะตรวจค้น พบนายประเสริฐ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1514/2565 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2565 แสดงตนเป็นเจ้าบ้านและเจ้าของยาดังกล่าว จึงได้จับกุมตัวนายประเสริฐ ตามหมายจับและตรวจยึดยาข้างต้นเป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ.

โดยผู้ต้องหาให้การว่า ยาดังกล่าวสั่งซื้อมาจากประเทศอินเดีย ผ่านตัวแทนขาย โดยกลุ่มผู้นำเข้าไม่เคยมีความรู้ หรือใบประกอบวิชาชีพทางเภสัชกรรมแต่อย่างใด

ต่อมาในวันที่ 3 ส.ค. 65 ได้ขยายผลจับกุมผู้ค้ารายย่อยในขบวนการดังกล่าวได้อีก 1 ราย คือ นางสาว ขนิษฐา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1516/2565 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ส่งพนักงานสอบสวนกก.4 บก.ปคบ. การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายดังกล่าวเป็นความผิดตาม

1. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

2. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72(4) “ขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภายหลังการจับกุมและสอบสวนการกระทำดังกล่าว วันนี้ (04 ส.ค. 65) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ ตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการปฏิบัติงาน กรณีจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย

1.นายประเสริฐ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1514/ 2565 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2565

2.นางสาว ขนิษฐา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1516/2565 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2565

3.นางสาว ฉลวยรัตน์

ในข้อหา กระทำความผิดฐาน ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา

นายอนุทิน กล่าวว่า จากการประสานทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ในการสืบหาแหล่งขายยา โมลนูพิราเวียร์ ที่ผิดกฎหมายทางสื่อออนไลน์ พบมีการลักลอบนำเข้ายาที่ใช้รักษาโควิด เช่น ฟาวิพาราเวียร์, เรมเดซิเวียร์, ยาโมลนูพิราเวียร์ และ สเปรย์พ่นจมูก ที่มีส่วนประกอบของ Nitric Oxide ฯลฯ

โดยยาดังกล่าวลักลอบนำเข้าโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่ผ่านการตรวจสอบจากด่านอาหารและยา และเป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ไม่ผ่านการพิจารณาเรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ได้จับกุมเครือข่ายลักลอบขายยารักษาโควิดได้จำนวน 3 ราย

ผลการจับกุม ได้ของกลางที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาทั้งหมดรวมกว่า 2,300 กล่อง ประมาณ 80,000 เม็ด มีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท!

โดยผู้ต้องหาให้การว่า ยาถูกส่งมาจากประเทศอินเดีย ลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย ส่วนใหญ่ลักลอบนำเข้าผ่านทางด่านศุลกากรไปรษณีย์ แจ้งวัฒนะ ทั้งนี้มียาบางส่วนที่ผู้ต้องหาหิ้วติดตัวทยอยนำเข้า ทำมาแล้วประมาณ 2 เดือน

ตนจึงขอบอกประชาชนว่าไม่ควรซื้อยาออนไลน์กินเอง ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและสั่งจ่ายยาโดยแพทย์ถึงจะมีความปลอดภัย ต้องเลิกคิดซื้อมาตุนสำรองไว้ที่บ้าน โรคโควิดต้องให้แพทย์รักษา กินยาตามแพทย์สั่ง

หากประชาชนซื้อยาดังกล่าวไปรับประทานเอง อาจได้ยาปลอมที่ไม่มีตัวยาสำคัญ หรือยาที่ไม่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาโควิด-19 ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าปลอดภัย และอาจก่อให้เกิดเชื้อดื้อยาได้ ผู้ป่วยโควิดตอนนี้ หากติดเชื้อควรไปพบแพทย์

และขอย้ำว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ หรือฟาวิพิราเวียร์ ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์

ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาเพื่อรักษาโรคโควิด-19 และยาอื่นๆ เนื่องจากยาเป็นปัจจัยพื้นฐานอย่างแรกที่ประชาชนจะเข้าถึง เพื่อใช้รักษาอาการเจ็บป่วย หากได้รับยาที่ไม่มีคุณภาพอาจเกิดการดื้อยา ไม่หายจากการเจ็บป่วย และเสี่ยงแพร่เชื่อไปยังผู้อื่น ซึ่งส่งผลถึงชีวิตได้ และขอเตือนผู้ที่ลักลอบขายยารักษาโควิด-19 ที่ไม่ได้รับอนุญาต ให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที เนื่องจากการขายยาออนไลน์ยังเป็นความผิดอยู่ และต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด

หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่

สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค หรือแจ้งสายด่วน อย. 1556 อีเมล์ [email protected]

คลิปอีจันแนะนำ
รวบพ่อค้า ขายยาโควิดเถื่อน