สธ. เผย ไทยพบผู้ป่วย ฝีดาษวานร รายที่ 3 ที่ ภูเก็ต เป็นชาย ชาวเยอรมัน

กรมควบคุมโรค สธ. เผย ไทยพบผู้ป่วย ฝีดาษวานร รายที่ 3 เป็นชาย ชาวเยอรมัน อายุ 25 ปี ที่ จ.ภูเก็ต เร่งติดตาม กลุ่มเสี่ยง

วันนี้ (3 ส.ค.65) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า มีรายงานโรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง ยืนยันเป็นรายที่ 3 เป็นผู้ป่วยชายชาวเยอรมนี อายุ 25 ปี เดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่จ.ภูเก็ต ซึ่งทางจังหวัดกำลังจะส่งรายงานไทม์ไลน์ผู้ป่วย มายังกรมควบคุมโรค ซึ่งผู้ป่วยรายดังกล่าวเมื่อเข้ามาถึงไทยไม่นานก็เริ่มมีอาการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด กลุ่มเสี่ยง เพื่อนำตัวมาคัดกรองโรคฝีดาษวานร เบื้องต้นผลยังไม่พบผู้ติดเชื้อในผู้สัมผัส แต่ยังคงต้องสังเกตอาการก่อน เป็นเวลา 21 วัน อย่างไรก็ตาม คาดว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้เป็นผู้ติดเชื้อนำเข้า คือ ติดเชื้อตั้งแต่ก่อนเข้าประเทศแต่เพิ่งมาแสดงอาการ ทีมสอบสวนโรคในพื้นที่อยู่ระหว่างตรวจสอบไทม์ไลน์เพื่อติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดและกลุ่มเสี่ยงต่อไป

นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นเพศชาย ตรงกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ที่ระบุว่า 98% ของผู้ติดเชื้อ มีประวัติชายรักชาย และสอดคล้องกับข้อมูลของไทย ว่าเป็นชายทั้งหมด โดยแบ่งเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย และชาวไทย 1 ราย ดังนั้นความเสี่ยงคือ การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษวานรชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายที่ 3 นี้ เริ่มมีอาการคือ มีไข้, ต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมาเริ่มมีผื่นขึ้นที่อวัยวะเพศ และลุกลามไปตามร่างกาย โดยอาการค่อนข้างชัดเจน จึงรีบเดินทางไปโรงพยาบาล

นพ.โอภาสกล่าวต่ออีกว่า โรคฝีดาษวานรไม่ใช่โรคที่มีอาการรุนแรงหรือติดต่อได้ง่าย จากการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วย 2 รายแรก เช่น ผู้สัมผัสร่วมบ้านที่อยู่ด้วยกันเป็นสัปดาห์ ยังไม่มีใครติดเชื้อ ทั้งนี้ ประเทศไทยมีระบบคัดกรองที่ท่าอากาศยาน แต่โรคนี้มีระยะฟักตัวได้นาน ถึง 3 สัปดาห์ทำให้ช่วงเข้ามาในประเทศไทยยังไม่มีอาการ ดังนั้น หากเข้ามาแล้วมีอาการเข้าได้กับโรคขอให้รีบมาพบแพทย์ ส่วนวัคซีนป้องกันฝีดาษ องค์การเภสัชกรรมได้ประสานติดต่อเพื่อนำเข้ามาภายในเดือนสิงหาคมนี้

โดยคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ประชุมหารือกำหนดกลุ่มเสี่ยงที่จะรับวัคซีนเบื้องต้นไว้ 2 กลุ่ม คือ

1.กลุ่ม Pre Exposure หรือก่อนการสัมผัสเชื้อ จะเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ดูแลผู้ป่วยใกล้ชิด หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ

2.กลุ่ม Post Exposure หรือผู้สัมผัสผู้ป่วยไม่เกิน 14 วันหลังสัมผัสเชื้อครั้งสุดท้าย เชื่อว่าจะป้องกันได้ โดยคณะทำงานจะพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป

โรคฝีดาษวานรสามารถหายเองได้ เช่น ผู้ป่วย 2 รายก่อนหน้านี้ก็อาการดีขึ้นโดยไม่ต้องกินยาต้านไวรัสจึงไม่จำเป็นต้องกินยาต้านไวรัสทุกราย ยกเว้นผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี อาจจำเป็นสำหรับการรักษา ปัจจุบันทั่วโลกมีรายงานผู้ป่วยประมาณ 2 หมื่นกว่าราย ในจำนวนนี้ต้องนอนโรงพยาบาลประมาณ 9% เพื่อการควบคุมโรค และมีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งพบว่ามีโรคร่วมทำให้อาการรุนแรง เช่น มีภาวะสมองอักเสบ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์จัดทำแนวทางเวชปฏิบัติวินิจฉัย การดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อ กรณีโรคฝีดาษวานร ฉบับวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 โดยเสนอต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (อีโอซี) กรณีโรคฝีดาษวานร เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 และได้ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะและประกาศแนวทางอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเบื้องต้นถ้ามีผู้ป่วยสงสัยให้รับไว้รักษาในโรงพยาบาล เพื่อการตรวจวินิจฉัยและควบคุมโรค ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่าสามารถตรวจและรายงานผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง และย้ำว่าโรคนี้หายเองได้ ไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัสทุกราย

คลิปแนะนำอีจัน
ความในใจ เจ้าสาวโดนออแกไนซ์เทงานแต่ง