
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการติดจากสายพันธุ์โอมิครอน ที่หลบภูมิเก่ง และแพร่กระจายเร็ว
ล่าสุด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า สถานการณ์สายพันธุ์โควิด 19 ที่แพร่ระบาดในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปี 2565 พบสายพันธุ์เดลตาถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยต่างๆ ได้แก่ BA.1, BA.2, BA.4, BA.5 และสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ปัจจุบันสายพันธุ์โอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายอยู่ในประเทศไทย
โดยอาการของผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนที่แสดงออกมาส่วนใหญ่ คือ ไอ! เจ็บคอ!
แล้วอาการไอแบบไหนถึงเสี่ยงติดโควิด!
อาการไอของโรคโควิด 19 ที่พบได้นั้นคือ “ไอแห้ง” ลักษณะคือไม่มีน้ำลาย ไม่มีเสมหะ อาจมีอาการไอรุนแรงมากขึ้นในเวลากลางคืน เวลาไอจะรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ รู้สึกคันหรือระคายคอ อาจมีเสียงแหบบ้าง และอยากกลืนน้ำลายบ่อย ๆ
ดังนั้น ถ้ามีอาการไอในลักษณะไอแห้ง ร่วมกับมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น มีไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19
ปัจจุบันโรคโควิด 19 ลดความรุนแรงลงจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ส่งผลให้อาการที่เกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อแตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ โดยอาการโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน สามารถสังเกตได้จาก
1.ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อยตัว
2.เสียงเปลี่ยนและมีเสมหะ
3.มีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส
4.รู้สึกหนาว แต่เหงื่อออก
5.มีน้ำมูกคัดจมูก
6.คอแห้ง รู้สึกคันคอและไอ
7.เจ็บคอ กลืนน้ำลายแล้วเหมือนมีมีดบาด
8.เหนื่อย อ่อนเพลียกว่าปกติ นอนซมไม่อยากทำอะไร
ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวเป็นช่วงขาขึ้นของโควิด 19 สังเกตได้จากการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่ตลอด 3 สัปดาห์ต่อเนื่อง ดังนั้นการใส่แมสก์เมื่อออกนอกบ้านและไม่อยู่ในที่แออัดยังเป็นสิ่งจำเป็นนะคะ