แห่ส่งกำลังใจ ‘มดดำ’ ป่วยหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ผลพวงเครียด นอนน้อย

‘มดดำ คชาภา’ ป่วยหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ผลพวงเครียด-นอนน้อย ‘หมอรามาฯ’ เผยอัตราผู้ป่วย 1 ใน 5,000 คนต่อปี หายได้แต่ควรป้องกัน

ชาวเน็ตแห่ส่งกำลังใจให้พิธีกรชื่อดัง ‘มดดำ’ คชาภา ตันเจริญ หลังมีคนสังเกตเห็นปากมีอาการเบี้ยวผิดปกติ ขณะกำลังดำเนินรายการแฉ จนต้องส่งคอมเมนต์เข้าไปสอบถามยังรายการ ซึ่งถัดมา แอดมินเพจก็ได้ออกมาตอบว่า

“แม่มดไปทำฟันมานะคะ ตอนนี้ใส่อุปกรณ์รักษาฟัน เลยทำให้ปากแปลกๆ นะคะ” และ “สุขภาพแม่มดปกตินะคะ แค่รักษาฟันอยู่ เลยทำให้ปากดูแปลกๆ น๊าาา”

กระทั่ง เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความ ถึงแฟนๆ เพื่ออัปเดตอาการว่า “ปากก็เบี้ยว ตาก็ตก ตอนแรกประมาท นึกว่ารักษารากฟันมา อ้าวเห้ย เกือบขิต โคตรสุด อดใจอีกวัน รักษาสุด หมอฟันโคตรน่ารัก หาทางออกให้ไม่เกี่ยวกับทำฟัน เกี่ยวกับเครียดทำงาน จนเส้นประสาทอักเสบ หนักเลย”

และได้เปิดเผยในรายการแฉ เพิ่มเติมว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างฉีดยารักษาอาการปากเบี้ยว ซึ่งตอนแรกคิดว่าเกิดจากการทำฟัน เมื่อวันที่ 3 ก.ค.66 ที่ผ่านมา แต่พอเช็กอาการอย่างละเอียดปรากฎว่า เป็นเพราะเส้นประสาทเส้นที่ 7 มีปัญหา ซึ่งไม่เกี่ยวกับการทำฟัน และอยู่คนละข้างกับที่ทำฟัน ก็ต้องขอบคุณผู้ชมที่สังเกตเห็นและส่งกำลังใจให้จำนวนมาก

ซึ่งสาเหตุเบื้องต้น แพทย์ระบุว่า เป็นเพราะการพักผ่อนน้อย นอนไม่เพียงพอ อาการเครียด ทำงานเยอะ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงมาก อีกทั้ง ยังมีอาการตาตกร่วมด้วย จึงต้องเข้าสู่กระบวนการรักษา โดยต้องมีการทำ MRI หรือ Magnetic Resonance Imaging คือ เครื่องมือในการตรวจหาความผิดปกติของร่างกายด้วย เชื่อว่า ไม่นานอาการจะดีขึ้น ฝากให้ทุกคนระมัดระวัง และรักษาสุขภาพ

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก อ.นพ.พิเชษ เติมสารทรัพย์ สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกแบบ Bell หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Bell’s Palsy เป็นโรคที่มีการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 โดยภาวะปกติเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 จะมาเลี้ยงกล้ามเนื้อของใบหน้าทั้งด้านบนและด้านล่าง เพราะฉะนั้น เมื่อเวลามีความผิดปกติของเส้นประสาทสมองเส้นนี้ มันจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงไป

เช่น กรณีของ คุณโอ อนุชิต หลับตาไม่สนิทข้างหนึ่ง ยักคิ้วไม่ได้ มุมปากตก เวลาดื่มน้ำแล้วน้ำไหลออกจากมุมปากด้านหนึ่ง เส้นประสาทเส้นนี้เกี่ยวข้องกับการรับรสด้วย ดังนั้น คนไข้อาจจะมีการสูญเสียการรับรสของลิ้นด้านเดียวกับของใบหน้าที่อ่อนแรงไป อีกอันหนึ่งคือ คนไข้อาจจะได้ยินเสียงดังกว่าปกติจากหูข้างนั้น เนื่องจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ช่วยลดความดังของเสียงที่จะเข้ามาในหูข้างนั้นด้วย

ซึ่งความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน บางทีอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุหรือจากเนื้องอก หรือจากสาเหตุอื่นๆ สิ่งที่เรารู้แน่ก็คือ มีการอักเสบของตัวเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 และมีการบวมของเส้นประสาท ซึ่งสมมุติฐานที่เป็นที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในปัจจุบันคือ คิดว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัส จากการศึกษาก็มีไวรัสหลายตัว เช่น ไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคเริม ไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส แล้วก็มีไวรัสตัวอื่นๆ อีก

ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นการติดเชื้อไวรัส ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าใน 100 คนมีการติดเชื้อไวรัสสรุปทั้งหมดกี่คน ถ้าเราคิดว่าเกิดจากเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส ตัวนี้หลังจากการติดเชื้อครั้งแรก มันก็จะเข้าไปซ่อนที่ปมประสาท ซึ่งเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 มันก็มีปมประสาทอยู่ด้วยเหมือนกัน มันก็ไปซ่อนอยู่ แล้ววันดีคืนร้ายถ้าเกิดร่างกายเราอ่อนแอ ภูมิต้านทานลดลง มันก็ออกมาแผลงฤทธิ์ได้

อาจจะเรียกได้ว่า เป็นคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาหาแพทย์ก็ภูมิต้านทานแข็งแรงดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีติดเชื้อไวรัส เราถึงบอกยาก คือปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน 100%

เชื้อไวรัสตัวนี้มันไม่ได้แค่มีผลกระทบต่อเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เท่านั้น มันก็เป็นที่เส้นประสาทเส้นอื่นๆ ได้ อาจจะเป็นที่เส้นประสาทไขสันหลังก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็เป็นโรคอย่างที่เราเรียกว่าเป็นโรคงูสวัด คนไข้ก็จะมาด้วยตุ่มน้ำใส อาจจะมีผื่นที่ผิวหนังตามแนวของผิวหนังที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทเส้นนั้นๆ

ทั้งนี้ คนไข้ส่วนใหญ่ที่มาหา คือ จะมีใบหน้าที่อ่อนแรงครึ่งซีกอย่างฉับพลัน คำถามแรกที่ทุกคนกลัวคือ จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตรึเปล่า เป็นโรคหลอดเลือดสมองรึเปล่า ก่อนอื่นต้องพูดให้ชัดเจนว่า ในโรค Bell นี้ ความผิดปกติมันอยู่ที่ตัวเส้นประสาทเอง ไม่ได้อยู่ในเนื้อสมอง ในขณะที่ถ้าเราพูดถึงโรคหลอดเลือดสมอง พวกนั้นจะเป็นความผิดปกติภายในเนื้อสมองเอง แล้วก็คนไข้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง มักจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย

นอกจากใบหน้าอ่อนแรงแล้ว อาจจะมีแขนขาอ่อนแรง มีอาการชาที่แขนขา มีอาการพูดไม่ชัด อาการอื่นๆ ร่วมด้วย ทีนี้ถ้าคนไข้มาพบแพทย์ แล้วแพทย์ตรวจร่างกายทางระบบประสาทโดยละเอียดแล้ว เราก็จะมีวิธีที่สามารถแยกได้ว่าคนไข้เป็นโรค Bell หรือว่าโรคหลอดเลือดสมอง

โรคนี้เป็นกันเยอะ ตามข้อมูลที่เราทราบกันก็คือ ประมาณ 1 ใน 5,000 คนต่อปี ส่วนการป้องกัน ถ้าเราเชื่อว่าไวรัสมันจะออกมาตอนที่ร่างกายอ่อนแอ ถ้าเราเชื่อตามนั้น เราก็ต้องสร้างภูมิต้านทานที่แข็งแรง และในแง่ของกายภาพบำบัดก็จะมีการออกกำลังกล้ามเนื้อที่ใบหน้า บางคนก็อาจจะใช้ไฟฟ้ากระตุ้น ใช้ความร้อน

ทั้งนี้ ‘อีจัน’ ขอส่งกำลังให้ใจให้ คุณมดดำ อาการดีขึ้นในเร็ววันนะคะ และลูกเพจทุกคน อย่าลืมดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอกันด้วยน้า

คลิปอีจันแนะนำ
เป็นตาฮักหลาย พลายดาว ช้างน้อยแสนรู้