ดื่มเบียร์ ยังไง? ให้ดีต่อสุขภาพ

กรมวิทยาศาสตร์บริการ แนะนำข้อมูล ดื่มเบียร์ ให้ดีต่อสุขภาพ จำเป็นต้องดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับสารที่เป็นประโยชน์

พูดถึงเบียร์ อีจันเชื่อว่าต้องมีเพื่อนๆ หลายคน เปรี้ยวปากแน่ๆ วันนี้จึงนำความรู้เกี่ยวกับการดื่มเบียร์ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาแนะนำเหล่านักดื่ม เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มเบียร์ ให้ส่งผลดีต่อสุขภาพกันดีกว่าค่ะ

“เบียร์” เป็นเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้นของเอทิลแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 0.5 ดีกรีขึ้นไป โดยมีกระบวนการหมัก “เวิร์ต” (wort) ด้วยยีสต์ ซึ่งเวิร์ตมาจากการต้มสกัดมอลต์ข้าวบาร์เลย์กับฮอป จึงมีสารที่ให้ประโยชน์ ได้แก่ กรดโฟลิค กรดอะมิโน ซูโดยูริดีน ไกลซีนบีเทน เมลานอยดิน แซนโธฮิวมอล สารประกอบฟีนอลิก มีโปรตีนและเส้นใยอาหาร อีกด้วย

ซึ่งจากผลงานวิจัยหลายฉบับ พบว่า เบียร์มีฤทธิ์ต้านสารก่อมะเร็ง ไวรัส จุลินทรีย์ โรคกระดูกพรุน ปกป้องหัวใจ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงจากภาวะสมองเสื่อม ชะลอความแก่ ป้องกันโรคเบาหวาน และรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร

แต่การดื่มเบียร์ จะมีผลดีต่อสุขภาพได้ จำเป็นต้องดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับสารที่เป็นประโยชน์ โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำว่า หากดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ 5% โดยปริมาตร ผู้หญิงควรดื่มไม่เกิน 12 ออนซ์/วัน และผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 24 ออนซ์/วัน

ที่สำคัญควรตระหนักว่า เบียร์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อาจไม่เหมาะสมและอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในสภาวะร่างกายอ่อนแอ หรือไม่พร้อม เช่น คนท้อง คนป่วย ผู้มีอายุต่ำกว่า 21 ปี คนชรา ซึ่งอาจได้รับอันตรายที่เกิดจากสารในเบียร์ ได้แก่ เอทานอล ไบโอเจนิกเอมีน ไนโตรซามีน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในภาวะขาดวิตามิน ภาวะไขมันในเลือดสูง เกิดโรคภูมิแพ้ เกิดการกลายพันธุ์ และชักนำให้เกิดโรคมะเร็ง เพิ่มความดันในเลือด มีผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร เช่น กระตุ้นการเกิดตับอักเสบ โรคตับแข็ง ตับอ่อนอักเสบและเกิดแผลในกระเพาะอาหาร รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมและโรคอ้วน

ขณะเดียวกันผลการศึกษา ยังพบอีกด้วยว่า การดื่มคราฟต์เบียร์ (craft beer) ในปริมาณมาก เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งช่องปากที่เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี (Human Papillomavirus, HPV)

กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) จึงแนะนำการเลือกผลิตภัณฑ์เบียร์ที่มีคุณภาพตาม มอก. 2090-2544 ซึ่งสารปนเปื้อนต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ นั่นคือ

1.ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่เกิน 30 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร

2.ทองแดง ไม่เกิน 1.5 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร

และ 3.เหล็ก ไม่เกิน 1.5 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เดซิเมตร

นอกจากนี้ น้ำที่ใช้ในการผลิตเบียร์ต้องมีคุณภาพดี ไม่มีสี กลิ่น รส และปราศจากสารอินทรีย์ ซัลไฟด์ ไนไตรต์ เป็นต้น