นายกฯ ยันจำเป็นต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมโควิดอีก 1 เดือน

นายกรัฐมนตรี เผย มีมติ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ยันจำเป็นเพราะจะคลายล็อกเฟสที่ 5 เสี่ยงติดเชื้อสูง!

หลังจากที่เมื่อเช้านี้ (29 มิ.ย.63) โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 แถลงจะมีการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ในวันที่ 1 ก.ค.63 นี้


ห้าง ผับ บาร์ ร้านเกมส์ อาบอบนวด เปิดได้! เริ่ม 1 ก.ค.63


ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ออกมาชี้แจงว่า มีมติต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน ถึงวันที่ 31 ก.ค.63 และยืนยันว่า ไม่ได้หวัง ปิดกั้นหรือลิดรอน ใครทั้งสิ้น เพราะทุกคน คือลูกหลานของเราทั้งสิ้น


ประเทศไทยยังจำเป็นต้อง มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมโควิด-19 หลังใช้ได้ผล จนตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศ เป็น 0 แต่ยังคงเสี่ยงอยู่ตลอด เพราะจะมีการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 แล้ว
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนทุกคน สถานผู้ประกอบการต่างๆ
สิ่งสำคัญที่สุด อยากย้ำว่า จากสถิติของไทยที่ติดเชื้อไม่มากนัก มันเกิดจากอะไร ทุกคนต้องย้อนกลับไปว่า มันเกิดมาจากมาตรการควบคุมของเราอย่างเข้มงวด ในระยะแรก ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. เป็นต้นมา มีการใช้มาตรการพิเศษ ใช้กฎหมายพระราชกำหนด จึงสามารถควบคุมได้ถึงจุดนี้
“ไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปปิดกั้น ลิดรอน ใครทั้งสิ้น เพราะทุกคนคือลูกหลานของเราทั้งสิ้น
สิ่งทำคัญที่สุดที่ห่วงคือ เรื่องการแพร่ระบาด ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในต่างประเทศ จะเห็นได้ว่าหลายประเทศ มาร่วมประกอบกิจกรรม อะไรก็ตามจำนวนมาก และทำให้ติดเชื้อ โควิด มากในลำดับต้นๆ
สิ่งเหล่านี้ป็นเรื่องที่เราต้องนำมาพิจารณา และวันนี้มีหลายเรื่องที่เข้าสู่มาตรการระยะที่ 5 เกี่ยวกับสถานประกอบการต่างๆ การเข้าออกประเทศของเจ้าหน้าที่ นักธุรกิจต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เราต้องทำงานเชิงรุกต่อไปในวันข้างหน้า จะทำอย่างไร เรื่องการท่องเที่ยว การค้าขาย การประกอบกิจการต่างๆ ซึ่งเราก็เป็นห่วงเรื่องโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวจ่างๆอีกมากมาย

สิ่งสำคัญที่สุดคือเราเห็นใจผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่ยังไม่มีงานทำ รวมถึงคนที่ไม่มีรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัว นั่นคือเหตุผลประการหนึ่ง อีกประการคือ มาตรการความพร้อมในระบบสาธารณสุขของเรา ที่จะรองรับหากมีสถานการณ์เกิดขึ้น การชี้แจงเพื่อให้ทุกคนเห็นร่วมกันว่า เรามีความพร้อม
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะ 100% หรือไม่ 100% อยู่ที่คนไทยทุกคน ที่จะต้องร่วมมือกันทำตรงนี้ จึงจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

ขอบคุณข้อมูล : Wassana Nanuam