กลับจาก อ.ลับแลมาหลายวันแล้ว แต่จันก็ยังไม่เลิกหลงลับแลสักที พอจันได้ไปสัมผัสก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมเมืองมนต์เสน่ห์แห่งนี้ ถึงดังแค่ชื่อ แต่น้อยคนที่จะแวะเวียนมาต้องมนต์ เมืองแห่งวัฒนธรรม เมืองแห่งวิถีชีวิต เมืองแห่งผลไม้ เมืองแห่งอาหารการกิน เมืองแห่งน้ำใจ ลับแลล้วนมีครบ จบในเมืองเดียว
แต่วันนี้ที่จันจะขอมาเล่าอีกหนึ่งความประทับใจคือ เรื่องของอาหารการกิน ซึ่งก่อนหน้านี้ จันได้นำเสนออาหารพื้นถิ่นอย่างข้าวพันผัก ข้าวพันไข่ และข้าวแคบ ที่เป็นการถนอมอาหารของคนเมืองลับแลมาฝากลูกเพจแล้ว
ก่อนอื่นขอล้วงลึกความเป็นมาของข้าวพันผักกันสักหน่อย ซึ่งพี่ลาเต้ หนุ่มไฟแรง ผู้รอบรู้หลายเรื่อง ในเมืองอุตรดิตถ์ ก็เล่าความเป็นมาให้จันฟังว่า คนลับแลส่วนใหญ่ก็อพยพมาจากแพร่และน่าน ก็จะได้วัฒนธรรมอาหารการกิน ของคนเหนือมาบ้าง เช่นข้าวแคบที่คนเหนือใช้ข้าวเหนียวมาทำเป็นแผ่นให้สุกบนซึ้งนึ่งข้าว แล้วนำไปตากแดด เพื่อมาทอดกินเมื่อมีงานบุญหรือใช้เป็นขนมต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง แต่พอคนลับแลนำมาปรับก็ใช้ข้าวจ้าวทำ ทำให้เนื้อของข้าวแคบอ่อน และสามารถกินสดๆได้ โดยไม่ต้องทอด เหมือนขนมขบเขี้ยว เวลาเข้าป่าหรือไปทำไร่ทำนา คนลับแลก็จะพกไปกินแทนข้าวได้ และคนลับแลก็พันนามาเป็นข้างพัน หรือข้าวแคบสด ใส่ผัก ใส่ไข่ลงไป กินเป็นอาหารคาว บางครั้งก็ม้วนแป้งสดๆ กินเปล่าๆ ทำน้ำจิ้มรสเผ็ดๆ เค็มๆ กินคู่ด้วย นี่คือวิถีของคนลับแล
แน่นอนว่า 2 ข้างทางของเมืองลับแล จะมีร้านขายข้าวพันผัก เหมือนร้านขายก๋วยเตี๋ยวกับข้าวตามสั่งยังไงอย่างนั้นเลย แต่พอเวลาผ่านไป ความคลาสสิคและความดั้งเดิม ก็มีสิ่งใหม่มาเติมเติม อย่างเช่นร้านข้าวพันผักของป้าตอ คนลับเเลดั้งเดิม ที่ก่อนหน้านี้ตั้งเตาขายใต้ทุนบ้านแบบโบราณ แต่เมื่อลูกชายมาสานต่อ กลายเป็นข้าวพันผักฟิวชั่น ข้าวพันพักเย็นตาโฟ ข้าวพันผักหมูตุ๋น ข้าวผักพันเห็ด ข้าวพันไข่ม้วน หน้าตาดูดีน่ารับประทานมากๆ แถมลูกชายป้าตอ ตกแต่งร้านให้เป็นแนววินเทจยุค 90”s มีเครื่องดื่มและอาหารขายเสริม ป้าตอบอกว่าแต่ก่อนก็ขายไปเรื่อยๆ พอลูกชายมาช่วยขายดีซะงั้น ลูกค้าทั้งขาจรขาประจำ แวะเวียนมาไม่ขาด จันก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะหลงรักข้าวพันผักเมืองลับแลมากๆ รสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิม ผสมกับรสชาติแบบใหม่อย่างลงตัว จนต้องจอเบิ้ลอีกจาน
ใครที่มีโอกาสไปเที่ยวเมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ อย่าลืมแวะชิมข้าวพันผักอินดี้ ร้านป้าตอนะคะ อร่อยจริง จันคอนเฟิร์ม
