กองทุนสื่อสร้างสรรค์ เปิดแถลงข่าวการเปิดรับข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรม ประจำปี 2564

อิจัน ร่วมงาน เปิดรับข้อเสนอโครงการ กองทุนสื่อสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้จัดงานแถลงข่าวการเปิดรับข้อเสนอโครงการ หรือกิจกรรม ประจำปี 2564 ซึ่ง นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย และงานนี้ อีจัน ได้มีโอกาสมาร่วมด้วย

ซึ่ง นายอิทธิพล ได้กล่าวเปิดงานว่า กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ดำเนินการจัดสรรทุนเพื่อรณรงค์ส่งเสริมการพัฒนาให้มีสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์มาตั้งแต่ ปี 2560 และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้นับเป็นปีที่ 5 ซึ่งกองทุนได้กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการการจัดสรรทุนโดยแบ่งประเภทของทุนออกเป็น 3 ประเภท คือ ทุนประเภทเปิดรับทั่วไป ซึ่งเปิดโอกาสสำหรับทุกกลุ่มทั้งผู้ผลิตรายเก่า รายใหม่ และเปิดกว้างสำหรับการผลิตเนื้อหา รวมถึงรูปแบบในการนำเสนอที่ให้เป็นไปตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้ขอทุน โดยกำหนดให้มีกลุ่มเป้าหมาย 4 เป็นเป้าหมาย

สำหรับทุนประเภทยุทธศาสตร์นั้น ทางกองทุนฯ กำหนดประเด็นเนื้อหาการผลิตเป็นเป้าหมายสำคัญ ประกอบด้วยโครงการขนาดเล็ก จำนวน 5 ประเด็น โครงการขนาดกลาง จำนวน 4 ประเด็น และโครงการขนาดใหญ่ จำนวน 1 ประเด็น ถือเป็นยุทธศาสตร์การผลิตสื่อที่กองทุนต้องการให้เกิดขึ้น และทุนประเภทความร่วมมือ ที่ต้องการให้ภาคีเครือข่ายมาร่วมทำงานกับกองทุน

ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และประธานอนุกรรมการบริหาร กองทุนฯ กล่าวว่า ในแต่ละปีนั้น ทางกองทุนฯมีกรอบ เงื่อนไข ในการของบสนับสนุน ให้เป็นไปตามที่มีข้อกำหนดไว้ในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. 2558และข้อบังคับกองทุนฯ ซึ่งปีนี้ผู้ขอรับทุนมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น

ด้าน นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพัฒนาโครงการ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ให้ผู้ยื่นข้อเสนอโครงการสบายใจได้ว่า กระบวนการพิจารณาข้อเสนอโครงการจะเป็นไปด้วยความเปิดเผย โปร่งใสชัดเจน ผ่านกลไกทั้งคณะทำงานและคณะอนุกรรมการ สำหรับประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเรื่องหนังรักชาตินั้น ขอเรียนให้ทุกท่านสบายใจว่าคณะกรรมการกองทุนฯ กำหนดประเด็นนี้ขึ้นมา โดยไม่มีนัยยะทางการเมืองใดๆ แอบแฝง เพียงแต่เห็นว่าประเด็นดังกล่าว มีความสำคัญกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สังคมไทยมีความแตกต่างทางความคิดค่อนข้างสูง