พระเมธีวชิโรดม หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี โพสต์คติธรรม ตามรอยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เตือนสติ “เชื้อโรคไม่รอระบบราชการ” แฝงนัยยะถึงผู้นำประเทศชาติบ้านเมือง
โดยข้อความของท่าน ว.วชิรเมธี ระบุว่า…
“ตามรอยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)”
เชื้อโรคไม่รอระบบราชการ
ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
ไม่สนธรรมเนียมแบบแผนใดๆ ทั้งสิ้น
แต่มันลุกลาม แพร่หลาย แตกตัว
ติดต่อ อย่างรวดเร็วทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง
ดังนั้น การรับมือกับมหันตภัยโควิด – 19 ชนิดเดลตา พลัส
จึงต้องรวดเร็ว ทันสถานการณ์ในระดับที่ทุกเรื่องต้อง “ททท.ทำ-ทัน-ที”
โดยถือหลักว่า “ชีวิตของประชาชนสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด”
ว่ากันว่า ในสมัยรัชกาลที่ 4
วันหนึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
กลับจากการไปเทศน์โปรดญาติโยมทางเรือ
แต่ขากลับเป็นช่วงเวลาน้ำลง เรือจึงเกยตื้นอยู่ในคลองบางกอกน้อย
ลูกศิษย์จึงลงจากเรือ เพื่อเข็นเรือให้พ้นจากการเกยตื้น
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เห็นดังนั้น จึงไม่รอช้า
วางพัดยศสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จพระราชาคณะไว้ที่หัวเรือ
ถอดจีวร ถกสบง (ที่เรียกว่า ถกเขมร)
ลงไปช่วยลูกศิษย์เข็นเรืออย่างจริงจัง
ระหว่างนั้นเอง มีชาวบ้านผ่านมาเห็นเข้า จำได้ว่า นั่นคือหลวงพ่อสมเด็จ ผู้เป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งแผ่นดิน
จึงตะโกนถามว่า “หลวงพ่อสมเด็จฯ ทำไมจึงไปเข็นเรือเล่าขอรับ ไยไม่ปล่อยให้พวกลูกศิษย์มันทำ”
หลวงพ่อสมเด็จ (โต) ตอบกลับไปว่า “ สมเด็จวางอยู่หัวเรือโน่น ที่เข็นเรืออยู่นี่เป็นขรัวโตต่างหาก”
ปฏิปทาของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พระมหาเถระผู้เป็นมิ่งขวัญของปวงชนในเรื่องนี้
ถูกเล่าขานกันมานานด้วยความชื่นชม
เพราะท่านไม่ยึดติดกับ “หัวโขน” หรือสมมุติทางสังคมที่สูงส่ง
ท่านรู้ว่า ในยามวิกฤติ ไม่ควรจะ “เรื่องมาก”
ไม่ใช่เวลาที่จะถือสาหาความเรื่องหยุมหยิม หรือเจ้ายศเจ้าอย่าง
ไม่ใช่กาละที่จะมัวยึดติดในระเบียบแบบแผนประเพณี
หรือระบบระเบียบกฎเกณฑ์ทั้งหลาย จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน อะไรที่จะทำให้วิกฤติคลี่คลายได้
ก็ควรจะต้อง “ททท.ทำ-ทัน-ที”
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์แบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
จะมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้นำประเทศชาติบ้านเมือง
ในทุกระทรวงทบวงกรมของประเทศไทย ในยุคสมัยของเราบ้าง
เพราะขืนมัวแต่ตั้งกรรมการชุดแล้วชุดเล่า
ขืนมัวแต่คำนึงถึงข้อกฎหมาย ระเบียบราชการ
โดยไม่สัมพันธ์กับความเร่งด่วนของปัญหา
ที่กำลังลุกลามบานปลายเหมือนไฟลามทุ่ง
ชีวิตของประชาชนคนไทย อาจต้องมาตกตายมากไปกว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่าตัว
ว.วชิรเมธี
3 สิงหาคม 2564