จ่อออกหมายจับ 3 คนร้ายใช้รถพยาบาลขนยาบ้า

ตำรวจจ่อออกหมายจับ โด้ ทิพย์ ไอซ์ 3 คนร้าย ใช้รถพยาบาลขนยาบ้าและพาหลบหนี สืบพบทำมาแล้วหลายครั้ง

จากกรณี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 65 คนร้ายใช้รถ กู้ภัยขนยาบ้า กว่า 2 ล้านเม็ด โดยตำรวจสามารถจับผู้สมรู้ร่วมคิดได้แล้ว 2 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการขอศาลออกหมายจับ

ความคืบหน้าวันนี้ (7 มิ.ย. 65) พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ได้เรียกหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ผู้บังคับการ 9 จังหวัด ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และมูลนิธิกู้ภัย 9 จังหวัด มาวางแนวทางจัดระเบียบรถพยาบาลฉุกเฉิน และรถกู้ภัย เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานประสานสอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกัน

ภาค 1 เรียกกู้ภัย-หน่วยงานประชุม เซ่นปม กู้ภัยขนยา

ต่อมาเวลาประมาณ 13.00 น. พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี ได้แถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดยระบุว่า จากการสืบสวนขยายผลจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ทำให้ทราบว่า นายจิรายุทธ (โด้) และพวก จะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เลย นำมาส่งให้กับผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้รถกู้ชีพในการลำเลียงยาเสพติด และใช้รถอีกคันขับนำเส้นทาง ในช่วงวันที่ 3-5 มิ.ย. 65

เมื่อตำรวจสืบสวนจนแน่ชัดว่า นายจิรายุทธ จะลำเลียงยาเสพติดผ่านพื้นที่ จ.สระบุรี ตำรวจจึงกระจายกำลังกันตรวจหารถในพื้นที่ จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 5 มิ.ย 65 ตำรวจพบรถเป้าหมายขับมาตามถนนสายสระบุรี-หล่มสัก มุ่งหน้าเข้าอำเภอเมืองสระบุรี จึงนำกำลังติดตามจนรถของนายโด้ และรถนำทาง มาหยุดรอสัญญาณไฟ ที่บริเวณสี่แยกห้วยบง พื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ์ จ.สระบุรี ตำรวจจึงเข้าแสดงตัว ก่อนจับกุม นายสมพงษ์ อายุ 23 ปี และ นายพิทวัส อายุ 23 ปี ไว้ได้

ส่วนรถกู้ชีพ ที่นายโด้ เป็นคนขับ ได้เปิดสัญญาณไซเรน และขับหลบหนีออกไป ตำรวจจึงนำกำลังออกติดตามไปอย่างกระชั้นชิด โดยนายโด้ ได้ขับรถหลบหนีข้ามจังหวัด ตั้งแต่ สระบุรี อยุธยา ปทุมธานี ก่อนจะจนมุมจอดรถทิ้งไว้ย่านมีนบุรี และโยนของกลางยาบ้าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านเม็ด ทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างทาง

จากนั้นก็มีรถกระบะคล้ายรถกู้ภัยขับตามมาและรับไป คาดว่าน่าจะช่วยพาหลบหนี

พล.ต.ต.ชยานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ คนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่คือ นายจิรายุทธ คงดี น.ส.ทิพวรรณ ชัยเสนา สองสามีภรรยาเจ้าของรถพยาบาล และนายชาญณรงค์ พุฒเจริญ หรือไอซ์ คนขับกระบะกู้ภัยที่พาหลบหนี ซึ่งตอนนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามจับกุมและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับ

ทั้งนี้ ตำรวจพบรถที่ใช้พาหลบหนีแล้ว จอดอยู่ในพื้นที่ สน.จรเข้น้อย

สำหรับพฤติการณ์ของคนร้าย พล.ต.ต.ชยานนท์ เผยว่า ชุดสืบสวน ได้สืบทราบว่า มีการก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยจะทำหน้าที่เป็นชุดรับจ้างลำเลียงยาเสพติด จากชายแดนภาคอีสาน เข้ามาส่งและจำหน่ายในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งผู้ต้องหา 2 คนที่จับได้ ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนจ้างให้นายโด้ และ ภรรยา ขนลำเลียงยาเสพติด โดยให้ค่าจ้างครั้งละ 150,000 – 300,000 บาท

หลังจากนี้ ตำรวจจะขยายผลไปยังนายทุน หรือผู้บงการที่สั่งการ 2 ผัวเมีย รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นขณะนี้ มีผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ รวม 5 คน ซึ่งตำรวจจะดำเนินคดีฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ครอบครองโดยผิดกฎหมาย และสนับสนุนช่วยเหลือผู้ก่อเหตุรุนแรง

ด้าน พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข, ตัวแทนสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ สพฉ. ผู้บังคับการตำรวจภูธร 9 จังหวัดในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และมูลนิธิกู้ภัย 9 จังหวัด มาวางแนวทางจัดระเบียบรถพยาบาลฉุกเฉิน และรถกู้ภัย เนื่องจากมีบางส่วนที่ยังไม่เข้าสู่ระบบการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สพฉ. ทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในรายละเอียดจะให้แต่ละหน่วยงานเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยมีตำรวจเป็นตัวกลาง เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานประสานสอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกัน

โดยหลังจากนี้จะมีการรวบรวมข้อมูล การขอใบอนุญาตที่ถูกต้องของรถลำเลียงผู้ป่วย รถ สพฉ. รวมถึงรถที่อยู่ในความดูแลของ อบต. และ อบจ. ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด

ซึ่งหากมีข้อมูลครบถ้วนแล้วก็จะรวบรวมไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้เทคโนโลยีมาช่วยจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูล โดยในเบื้องต้น ได้สั่งการให้ภูธรจังหวัด ทั้ง 9 จังหวัด รวบรวมข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน พร้อมกำชับให้กวดขันรถที่มีลักษณะคล้ายรถพยาบาล แต่ไม่ติดสังกัดให้ชัดเจน

คลิปแนะนำอีจัน
เสียงจากกู้ภัยตัวจริง ถึงแก๊งอาสา อาศัยชื่อกู้ภัยลอบขนยา