ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่เยี่ยม โครงการบ้านมั่นคง เขตจตุจักร

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โครงการบ้านมั่นคง ชุมชนประชาร่วมใจ2 เขตจตุจักร พูดคุยกับชาวบ้านถึงปัญหาที่ต้องแก้ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนกว่า 4 พันเรื่อง

เมื่อวานนี้ (03 ก.ค. 65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โครงการบ้านมั่นคง ชุมชนประชาร่วมใจ2 เขตจตุจักร เผยว่า พื้นที่จตุจักรถือเป็นเขตที่มีคนร้องเรียนใน Traffy Fondue มากที่สุดกว่า 4 พันเรื่อง แต่ก็เป็นเขตที่มีการแก้ไขได้มากที่สุดมากกว่า 1,800 เรื่องเช่นกัน ถือว่ารวดเร็วมาก เจ้าหน้าที่มีความตื่นตัวสูง และเป็นสิ่งที่พิสูจน์เรื่องของการปรับการให้บริการกับประชาชนได้ว่าไม่จำเป็นต้องทำเป็นเอกสาร ใครเห็นเรื่องอะไรก็สามารถแก้ไขได้แบบไร้รอยต่อ สามารถส่งต่อให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้ไม่ต้องทำหนังสือ จากนั้นจะเป็นการประเมินการส่งต่อเรื่องไปที่หน่วยงานนอกว่าทำได้แค่ไหน เพื่อรายงานเข้าไปยังหน่วยงานกลางให้รับทราบการปฏิบัติงานของหน่วยงานสาขา

ในส่วนของเขต จตุจักร มีปัญหาใหญ่ๆ เช่น เรื่องน้ำท่วมในชุมชน แถบคลองลาดพร้าว ปัญหาทำเขื่อนริมคลองที่ล่าช้าประมาณครึ่งปี ทำให้การขุดลอดคลองทำได้ยาก น้ำจึงไหลไม่สะดวก ซึ่งได้สั่งการให้เร่งรัดการดำเนินการส่วนที่ล่าช้าให้เสร็จโดยเร็วแล้ว

นอกจากนี้ในพื้นที่จตุจักรยังมีโครงการก่อสร้างในพื้นที่อยู่หลายโครงการ เช่น โครงการ รถไฟสายสีเหลือง ในการประชุมเมื่อวาน (03 ก.ค. 65) มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภายนอกมาร่วมให้ข้อมูลด้วย เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย ตำรวจ ถือเป็นการร่วมประชุมแบบบูรณาการในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะส่วนที่ประชาชนร้องเรียนเป็นจำนวนมาก เช่น ถนนเลียบทางรถไฟ ถนนที่อยู่ใต้รถไฟสายสีแดง ถนนทางข้ามรถไฟ ซึ่งความรับผิดชอบยังเหลื่อมล้ำกันอยู่ บางโครงการ กทม.ได้ส่งคืนการรถไฟฯ บางโครงการ กทม.ยังรับผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะถนนกำแพงเพชร 1-4 ซึ่งต้องทำเรื่องการบำรุงรักษาให้ดี และต้องมาบูรณาการร่วมกับการรถไฟฯ เพราะเป็นเส้นทางที่ประชาชนใช้เป็นจำนวนมาก เกี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ต้องมาทำร่วมกัน

นายชัชชาติ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า “ฝากกำชับท่าน ผอ.เขตให้ช่วยดูแลลูกจ้างที่เป็นผู้น้อย เงินเดือนน้อยให้ดี คนที่เงินเดือนมากแล้วไม่เป็นไร ที่ต้องดูแลให้ดี เพราะเขาเป็นโซ่ข้อสุดท้ายที่เชื่อมเราเข้ากับประชาชน เราดีที่สุดได้เท่ากับโซ่ที่อ่อนแอที่สุด เพราะต่อให้เรามีนโยบายดีแค่ไหนก็ตาม สะอาดแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าโซ่ข้อสุดท้ายเขาไม่มีกำลังใจไปทำงานให้ประชาชน เราไม่มีทางทำให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นหัวใจคือโซ่ข้อนี้สำคัญไม่น้อยกว่าโซ่ข้ออื่น ๆ ที่ต้องดูแล ขอบคุณพนักงานที่มาทานข้าวด้วยกันและทำให้ได้เห็นปัญหา ก็พยายามจะนำไปแก้ไขให้มากขึ้น”

เขตจตุจักรมีจุดเด่นที่ความเป็นศูนย์กลาง หรือ HUB เชื่อมต่อการเดินทาง มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่า 1.5 แสนคน เรื่องการเดินทางถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะมีปัญหาคือ เรื่องการก่อสร้าง ปัญหาน้ำท่วมบริเวณ 5 แยกลาดพร้าว ที่ต้องไปดูแล เพราะปัญหาน้ำท่วมจะนำไปสู่ปัญหารถติด

ส่วนปัญหาชุมชนรุกล้ำในคลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากร ซึ่งที่ผ่านมาทางรัฐบาลทำไว้ดีมาก โดยการนำชุมชนรุกล้ำริมคลองขึ้นมาอยู่บ้านมั่นคงในที่ของ กรมธนารักษ์ ที่ผ่านมาทำได้หลายร้อยครัวเรือน ตัวอย่างที่ทำไปแล้วเห็นได้ชัดว่าประชาชนที่ย้ายขึ้นมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เด็กๆ ก็มีความเป็นอยู่มั่นคง ไปโรงเรียนได้ มีการออมเงินและจ่ายเงินเป็นงวดๆ ซึ่งเป็นส่วนที่กทม.จะต้องร่วมเจรจาชุมชนในส่วนที่ยังไม่ได้ย้ายเรื่องการจัดตั้ง สหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อทำบ้านมั่นคงต่อไป

ในด้านความปลอดภัยเรื่องการป้องกันเพลิงไหม้ ได้สั่งการให้ตรวจสอบเครื่องดับเพลิงทั้งหมดทุกชุมชน รวมถึงถังดับเพลิง จะมีปัญหาว่ามีถังแต่ไม่ได้อัดแก๊สให้มีความดันที่เหมาะสม รวมถึงการตรวจสถานบริการ ซึ่งในพื้นที่เขตจตุจักร มีสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการอยู่ประมาณ 50 แห่ง ถึงแม้ไปตรวจมาแล้วไม่พบข้อผิดพลาดก็ให้ไปตรวจซ้ำอย่างเข้มข้นอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ โดยเฉพาะเรื่องของทางหนีไฟ

ส่วนเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในพื้นที่จตุจักรเพิ่งมีเหตุการณ์เรื่องการชิงทรัพย์เด็กนักเรียนหอวัง ซึ่งมีคนงานรักษาความสะอาดเป็นพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือนักเรียน จึงมีแนวคิดง่ายๆ ที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุลักษณะเดียวกันนี้ได้เร็วขึ้น ซึ่งผู้อำนวยการเขตได้เสนอให้คนงานมีนกหวีดติดตัว เมื่อพบเหตุฉุกเฉินให้เป่านกหวีดก่อน เพื่อทำให้คนที่จะก่อเหตุร้ายตกใจ และสามารถดึงความสนใจจากคนอื่นเข้ามาช่วย

โดยเห็นว่าคนงานฝ่ายรักษาฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้ชิดกับประชาชนสามารถช่วยเป็นหูเป็นตาได้ จะทำให้กรุงเทพฯ มีตาอีกหลายหมื่นคู่มาช่วยดูเรื่องความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในถนนและช่วยดูแลเด็ก ๆ นักเรียนด้วย พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัยและการข้ามถนนของเด็กนักเรียนที่บริเวณหน้าโรงเรียน อย่างน้อยโรงเรียนละ 2 นาย ตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยเน้นที่โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครก่อน

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ของพนักงานกวาดที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย อาทิ ไฟฉาย นกหวีด ทิศทางการกวาดถนน และมีแผนที่จะส่งเสริมบทบาทเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาฯ ด้านความปลอดภัย ให้ช่วยสอดส่องบริเวณโรงเรียน พบจุดมืดอับ จุดเปลี่ยว ไฟฟ้าส่องสว่างดับ กิ่งไม้บดบังกล้อง CCTV ก็ให้แจ้งเพื่อเข้าไปปรับปรุงแก้ไข โดยจะบูรณาการความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ครู อาจารย์ และสำนักงานเขตในการดำเนินการ พร้อมจัดอบรมวิธีใช้อุปกรณ์แจ้งเตือนให้กับพนักงานกวาด อาทิ ต้องใช้นกหวีดส่งสัญญาณเมื่อไหร่ อย่างไร เป็นต้น