ชัยวัฒน์เปิดใจ คดี สุนทร-กนกวรรณ รุกป่าเขาใหญ่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

คดี สุนทร-กนกวรรณ รุกป่าเขาใหญ่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ชัยวัฒน์คนทำคดี ชี้ คุ้มกับการลงมือทำเพื่อปกป้องผืนป่า

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ปมออกโฉนดที่ดินรุกป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่ามีความผิดตามฟ้องจริง

ป.ป.ช. ชี้มูล กนกวรรณ รมช.กระทรวงศึกษาฯ สนับสนุนรุกป่าเขาใหญ่

โดยนายชัยวัฒน์ เผยว่า คดีนี้ตนเป็นผู้ตรวจสอบและแจ้งดำเนินคดีเมื่อครั้งเป็นหัวหน้าชุดพญาเสือ หลังจากดำเนินคดีส่งให้ ป.ป.ช. ไปแล้วก็ไม่ได้ติดตามเรื่องอะไรมาก เพราะมีคดีที่ทำส่งไปไปหลายร้อยคดี จนกระทั่งมีคดีนี้ที่ออกมาเป็นข่าวและคนค่อนข้างสนใจ และผลที่ออกมาก็เป็นทางบวกสำหรับเรา ทำให้เรารู้สึกว่าการลงมือทำและการปกป้องป่ามันก็คุ้ม หลังจากที่เราได้ป่ามรดกโลก ต้องบอกว่ามันคุ้มต่อการเสี่ยงที่เราเคยโดนเขาฟ้องไป เผลอๆวันนี้ ที่ดินแถบนั้นที่เป็นที่ดินออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ อาจจะต้องเพิกถอนทั้งหมด

สำหรับคดีรุกป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 คณะพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนำโดย พ.อ. พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดฯ , เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.จ.ปราจีนบุรี , เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน่วยพญาเสือ) นำโดย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยฯ , เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นำโดย สิบตำรวจโท กุลบล พลวัน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กองร้อย อส.จ.ปจ.ที่ 1 นำโดย นายหมวดเอก สนธยา เฟื่องจรัส ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่บุกรุก ยึดถือครอบครอง รวมทั้งตรวจสอบเอกสารสิทธิในที่ดินช่วยเหลือบริเวณป่าบ้านวังน้ำขุ่น หมู่ที่ 15 ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขณะได้เดินทางเข้าตรวจสอบมาถึงบริเวณพิกัด INDIAN 1975 ที่ 47 P 760201 E 1573537 N และ 47 P 760242 E 1573426 N พบพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางป่า ยึดถือครอบครองพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าดำเนินการตรวจสอบ ที่ดินของ นายสุนทร วิลาวัลย์ เรื่องนี้สืบเนื่องจากนายสุนทร ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 เรียน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 อ้างว่าตนและบุตรสาว (นางกนกวรรณ วิลาวัลย์) เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีความประสงค์จะขอความร่วมมือส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกไปร่วมระวังชี้แนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณด้านตะวันออกของด่านป่าไม้เนินหอม ว่ามีส่วนหนึ่งส่วนใดรุกล้ำแนวเขตอุทยานแห่งชาติหรือไม่ โดยมอบหมายนายไพโรจน์ กุหลาบวงษ์ เป็นตัวแทนมาประสานงานด้วย

จากตรวจสอบพบว่ามีการแผ้วถางป่าเพื่อทำแนวกว้าง 5-10 เมตร ยาว 1,270.69 เมตร พร้อมปักเสารั้วรอบแปลง และมีเสาหลักหมุดของกรมชลประทานฝังอยู่ในแปลงดังกล่าวด้วย ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าดิบแล้งสมบูรณ์ มีต้นไม้ขนาดใหญ่และเล็กขึ้นหนาแน่นหลายชั้นเรือนยอด ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อนแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง 5 ชั้นปี ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า พื้นที่ที่นายสุนทร วิลาวัลย์ อ้างว่าเป็นของตนโดยมีเอกสารแสดงสิทธิเป็นโฉนดที่ดินอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทั้งแปลง เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารในเขตป่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่ดินดังกล่าวไม่อาจนำไปออกโฉนดที่ดินได้ การออกโฉนดที่ดินเป็นการออกโดยขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน การเข้าครอบครองที่ดินในพื้นที่บริเวณดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คณะเจ้าหน้าที่มอบหมายให้สิบตำรวจโท กุลบล พลวัน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี ตาม ปจว.ข้อ 5 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า พิจารณาแล้ว เห็นว่าการยื่นเรื่องราวของนายสุนทร วิลาวัลย์ ต่อ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ระวังชี้แนวเขตเพื่อจะได้เข้าทำประโยชน์โดยอ้างโฉนดที่ดิน เลขที่ 41158 ระวาง 2537 l 6072 เนื้อที่ 27-2-54.5 ไร่ มีนายสุนทร วิลาวัลย์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และ โฉนดเลขที่ 41159 ระวาง 5237 ll 6072 เนื้อที่ 30-2-80.5 ไร่ มีนางกนกวรรณ ศรีจันทร์งาม เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โฉนดทั้งสองฉบับน่าจะออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเมื่อตรวจภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังก่อนการออกโฉนดในปี พ.ศ.2545 ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อนและพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เห็นควรมอบหมายสำนักอุทยานแห่งชาติและกองนิติการ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามข้อง เพื่อเพิกถอนโฉนดทั้งสองฉบับต่อไป