ชาวนา กระดูกสันหลังของชาติ แต่ทำไมยังยากจน?

กระดูกสันหลังของชาติ แต่ทำไมยังยากจน? เสียงสะท้อนจาก ชาวนา ที่อยากให้รัฐได้ยิน

เสียงจากชาวนา… ที่อยากให้รัฐได้ยิน

“ชาวนาไม่ได้รวยอย่างที่คิด และเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจในการทำนาแล้ว หันไปทำอาชีพอื่นเสียมากกว่า การมาชุมนุมแบบนี้ถ้าพวกเราเรียกร้องไม่สำเร็จก็คงไม่มีเด็กรุ่นใหม่ ๆ มานอนรอเรียกร้องอะไรแบบนี้ คงขายที่ทิ้งหมดไม่มีใครทำนาแล้ว คนมีทุนก็คงกว้านซื้อที่หมด ใครที่หางานอื่นทำไม่ได้กลับมารับจ้างทำนาในที่ของตัวเอง”

เกือบ 2 เดือนแล้วที่กลุ่มเกษตรกรเครือข่ายหนี้สินชาวนา ได้ปักหลักชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน หลังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายและต้นทุนต่าง ๆ ที่สูงขึ้น
ลุงอำนวย ชาวนา อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บอกว่า

“ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่รอให้ถึงวันที่ 22 มี.ค. 65 เท่านั้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร อยากให้ได้รับการช่วยเหลือโอนหนี้เข้าสู่กองทุนฟื้นฟูเกษตรกรเพื่อที่พี่น้องเกษตรกรชาวนาจะได้มีทุนทำกิน”

เพราะปัญหาที่ชาวนาทุกคนต้องเจอคือเรื่องของ “หนี้สิน “ บางคนกู้ยืมมาทำนา หรือเป็นการค้ำประกันให้กับผู้อื่น เมื่อรวมกับต้นทุนในการปลูกข้าวที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา บางรายต้องเสียค่าจ้างในการเก็บเกี่ยว ซึ่งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้นสวนทางกับราคาข้าวที่อยู่เพียงตันละ 5-6 พันบาทเท่านั้น
เมื่อต้นทุนสูงขึ้น ทำให้แทบไม่เหลือกำไรหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตจนกลายเป็นขาดทุน และไม่สามารถปลูกข้าวต่อหรือชำระหนี้ได้ เสี่ยงถูกยึดที่ดินทำกิน

ส่วนชาวนาอีกคน บอกว่า มาจากจังหวัดนครปฐม ประสบกับปัญหาหนี้สินกว่า 8 แสนบาท ที่ตนไม่สามารถชำระหนี้ได้จนดอกเบี้ยพุ่งสูงกว่า 2 ล้านบาท แต่ก็ได้รับการซื้อหนี้จากกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรไปก่อนหน้านี้แล้ว เหลือหนี้สินที่ต้องชำระเพียง 4 แสนบาทเท่านั้น การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวนาให้ได้รับการช่วยเหลือเหมือนกับตนเช่นกัน

มาถึงตรงนี้ คำถามที่หลายคนสงสัยคือ เป็นชาวนา ทำไมถึงไม่รวย? เพราะเวลาไปต่างจังหวัด ก็มักจะเห็นไร่นาเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

คุณลุงหัวเราะปนส่ายหัวเบา ๆ แล้วตอบว่า…

“ไม่หรอก ไม่รวยเลย นาที่เห็นบางทีก็ต้องเช่าเขาทำ บางคนไม่มีเงินติดหนี้ก็ต้องขายที่ไป แต่ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรก็กลับมาเช่าที่ตัวเองนี่แหละทำนาต่อ”

หรือบางที่ เจ้าของอยู่ที่อื่นเขาก็จ้างให้ชาวบ้านทำนา บางคนที่นายังเป็นของตัวเองก็ดีหน่อยไม่ต้องไปเช่า ทุกวันนี้กว่าจะทำนาได้แต่ละทีใช้ต้นทุนสูงมาก ก่อนทำนาเรารู้แล้วว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าจ้างคนงาน ค่าอะไรอื่น ๆ อีก

แต่ที่เราไม่รู้เลยคือราคาข้าว ว่าจะขายได้เท่าไหร่ บางทีเก็บเกี่ยวได้เอาไปขายหน้าโรงสี เขาบอกราคามาแทบไม่อยากขาย ขอเขาขึ้นสักบาทหนึ่งก็ไม่ได้ จะให้ขนกลับมันก็จะไม่ได้อะไรเลย

เราเลยถามต่อว่า แล้วทำไมชาวนาไม่ขายข้าวเอง ทำโรงสีเอง?

คุณลุงตอบว่า ไม่ไหวหรอกต้นทุนมันสูงมาก ทั้งเตาอบ อะไรต่าง ๆ อีกเยอะแยะ จะขายเองก็ต้องใช้เวลาหลายขั้นตอน โรงสีเขาอบข้าวชั่วโมงเดียวก็เสร็จแล้ว

ชาวนาถ้าจะขายข้าวเองก็ต้องตากข้าวตามบ้าน ตามพื้นถนน อย่างบ้านลุงที่ไม่พอหรอก แคบ เล็กนิดเดียว แล้วต้องตากอีกกี่แดดกว่าจะขายได้…

นี่คือปัญหาของชาวนา ที่ต้องพบเจอ พวกเขาจึงอยากวอนรัฐบาล ให้มองลงมาที่พวกเขาบ้าง แค่ฟังเสียงเล็กๆ จากพวกเขาก็ยังดี

เพราะตอนนี้ คำถามของพวกเขาคือ “ชาวนาไทย ไหนใครบอกว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ? แต่ตอนนี้ กระดูกสันหลังของชาติ กำลังรอความช่วยเหลือ ที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่…”

คลิปอีจันแนะนำ
เสียงจากชาวนา ที่อยากให้รัฐบาลได้ยิน #ม็อบชาวนา