ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ เอไอเอส บุกเข้าทลายแก๊งค์ คอลเซ็นเตอร์ ใน กทม.

สืบจนเจอที่อยู่? ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับเอไอเอส บุกจับแก๊งค์ คอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ ทั้งหมด 8 จุด

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะทางออนไลน์ จากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในช่วงนี้

วันนี้(6 ก.ค. 65) เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ ตามหมายค้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด 8 จุด ในพื้นที่เขตบางนา ห้วยขวาง และลาดพร้าว และได้จับกุมนายสุรชาติ แซ่โจ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหา “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(1) มีอัตราโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” และผู้ต้องสงสัยอีก 3 ราย

และในเวลา 16.00 น. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาญชากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS โดยคุณสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการฯ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ร่วมกันแถลงข่าวในกรณีที่จับกุมผู้ต้องหา แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ใช้โทรศัพท์มือถือในการหลอกลวง และข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ ทั้งที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เรื่องใบสั่งชำระค่าปรับจราจร การแจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมาย ต้องโอนเงินไปชำระ มีผู้เสียหาหลายรายหลงเชื่อและโอนเงินไปให้

จากการที่ตำรวจวิเคราะห์และตรวจสอบความเชื่อมโยงกันของผู้เสียหาย และแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เชื่อว่าคนร้ายเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน และประสานงานกับเครือข่ายมือถือ และใช้ตามหาคนร้าย จนเจอตัวผู้กระทำผิด และสถานที่ที่ใช้กระทำความผิด

นอกจากนั้นยังได้ตรวจยึดเครื่องสัญญาณ IP PBX จำนวน 43 เครื่อง เครื่องส่งญาณไร้สาย wireless router จำนวน 30 เครื่อง และของกลางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายการ เช่น สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ นำตัวผู้ต้องหา และของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.สอท.ดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้สอบสวนเพื่อขยายผลหาคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป