ตำรวจ จับลูกชายร้านไก่ยางดัง ควงปืนบุกจี้ 7-11

ตำรวจ รวบลูกชายร้านไก่ย่างชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ควงปืนจี้ 7-11 ได้เงิน 1,500 บาท คาดเลียนแบบเกม?

17 ก.ค. 65 ตำรวจประจำศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ 7-11 ตรงข้ามกับธนาคารกรุงเทพ ในเขตเทศบาลตำบลลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ ได้เงินไปจำนวน 1,500 บาท จึงประสานตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำปลายมาศ และพนักงานสอบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างเร่งด่วน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบวงจรปิดสามารถบันทึกรูปพรรณคนร้ายและพฤติการณ์ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน โดยในภาพวงจรปิดจะเห็นว่ามีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 20 – 25 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีครีม มีฮู้ดใช้คลุมศีรษะ สวมหน้ากากสีเหลืองปิดบังใบหน้า สวมถุงมือสีดำ กางเกงวอร์มสีฟ้า รองเท้าผ้าใบสีดำ ในมือถือปืน 1 กระบอก จี้บังคับให้พนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ 2 คน เปิดลิ้นชักเพื่อหยิบเอาเงิน

โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียง 40 วินาที จากนั้นก็หลบหนีไป

หลังเกิดเหตุ ชุดสืบได้ลงพื้นที่แกะรอยจนกระทั่งพบชายที่สวมเสื้อผ้าเหมือนกับคนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงเงินร้านสะดวกซื้อ เดินเข้าและออกร้านขายไก่ย่างชื่อดังช่วงเวลาไล่เลี่ยกับช่วงที่เกิดเหตุ

ตำรวจจึงนำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจนปิด เข้าตรวจสอบภายในร้านดังกล่าวว่ามีใครที่มีรูปพรรณตรงกันหรือไม่ ก็พบ นายเจษฎากรณ์ หรือเจ อายุ 21 ปี ลูกชายเจ้าของร้านกำลังยืนย่างไก่ช่วยพ่ออยู่ จึงได้นำภาพหลักฐานให้ดู โดยนายเจ ยอมรับว่าเป็นบุคคลในภาพ ตำรวจจึงจับกุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ลำปลายมาศ

จากการสอบปากคำ นายเจ ยอมรับว่าก่อเหตุใช้ปืนบีบีกันจี้ชิงเงิน 7-11 จริง ได้เงินไป 1,500 บาท เงินที่ได้ก็นำไปฝากธนาคารเข้าบัญชีตัวเอง 400 บาท ซื้ออาหารแมว 200 บาท ซื้อขนมและอาหาร 100 บาท เหลือ 700 บาท วางไว้บนตู้ภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน หลังก่อเหตุเสร็จก็เดินกลับบ้านไปบอกแฟนสาวแล้วก็ทำตัวเป็นปกติ

ส่วนเหตุจูงใจ นายเจ อ้างว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุ เพราะไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน แต่ยอมรับว่าชอบเล่นเกมแนวยิงต่อสู้ ส่วนปืนก็อ้างว่าเก็บได้ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะแม้จะเป็นปืนบีบีกันแต่ข้างในบรรจุกระสุนจริง 1 นัด ก็จะสืบสวนหาที่มาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้มีการก็สันนิษฐานเพิ่มเติมว่า นายเจ อาจจะมีพฤติกรรมเลียนแบบเกม แล้วก่อเหตุเพื่อทดสอบความกล้าของตัวเองหรือไม่

ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้วงจรปิดถือเป็นหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ เพราะสามารถบันทึกภาพได้ตั้งแต่ตอนที่นายเจ เดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร

จากนั้นเวลา 01.26 น. ก็ลงมือก่อเหตุ โดยใช้เวลาเพียง 40 วินาที ก็วิ่งออกจากร้าน จากนั้นก็พบภาพนายเจเดินกลับเขาบ้าน เพื่อไปเอารถจักรยานยนต์ที่บ้าน แล้วขี่ไปวัดสง่าท่าชลทีเพื่อเอาปืนที่ใช้ก่อเหตุ เสื้อผ้า รองเท้า และถุงมือที่สวมใส่ในวันก่อเหตุไปทิ้งสระน้ำหลังวัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวนายเจ ไปชี้จุดที่ทิ้งเสื้อผ้า และปืน โดยให้หน่วยกู้ภัยฯ ช่วยงมค้นหาก็พบทั้งเสื้อผ้า และอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จากนั้นก็ได้ควบคุมตัวนายเจ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งระหว่างที่สอบปากคำ พ่อของนายเจ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายไก่ย่างชื่อดัง ก็เดินทางมาหาลูกชาย ทันทีที่เห็นลูกชายผู้เป็นพ่อก็โผเข้ากอดลูกชายแล้วร้องไห้ด้วยความเสียใจ และไม่ขอให้สัมภาษณ์หรือข้อมูลใดๆ

ต่อมานางสาวจ๋า (นามสมมติ) อายุ 17 ปี แฟนสาวของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณ 3-4 วันที่ผ่านมา แฟนมาพูดกับตนเองว่าเดี๋ยวจะลองไปปล้นร้านสะดวกซื้อที่อยู่ตรงข้ามธนาคาร ก็คิดว่าแฟนแค่พูดเล่นเท่านั้น ซึ่งตนก็พูดกับแฟนไปว่าอย่าไปหาทำแบบนั้นเดี๋ยวก็ถูกจับติดคุกหรอก กระทั่งทราบว่าแฟนก่อเหตุดังกล่าวตนก็ตกใจมากแต่ไม่รู้จะทำยังไง ซึ่งตนก็เสียใจมาก