นศ.วิศวะ โคราช อนาคตดับ เพราะถูกจับเป็นแพะ ยาเสพติด ?

นศ.วิศวะ โคราช ถูกจับเป็นแพะ ยาเสพติด ? ศาลไม่ให้ประกันตัว ครอบครัวร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยด้วย

“ ทำไมต้องเป็นผม ไปจับผมถึงที่มหาวิทยาลัย

ผมทำผิดอะไร ผมทำเวรทำกรรมอะไร? ”

คำพูดของนายปติวรรษ แฝงสูงเนิน อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา พูดกับครอบครัว ก่อนถูกจับกุมในคดียาเสพติด ทั้งที่เขาไม่รู้เรื่องมาก่อน….

คดีนี้ นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ รับเป็นทนายที่ปรึกษาคดี เล่าว่า นายปติวรรษ ถูกจับกุมในคดี ยาเสพติด ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2563 เวลา 23.00 น. คาบเกี่ยวเข้าวันที่ 21 ก.ย. 2563 เวลา 03.00 น. ตำรวจสน.บางมด ได้ข้อมูลจากสายสืบว่าที่หอพักแห่งหนึ่งมีการค้า ยาเสพติด เมื่อไปถึงพบกับวัยรุ่นชาย 2 คน ท่าทางมีพิรุธ เมื่อขอตรวจค้นห้องพัก สองวัยรุ่นกลับวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ไล่จับแต่ด้วยความชำนาญพื้นที่ สองวัยรุ่นหลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจค้นห้องพักของสองวัยรุ่น พบของกลางเป็น ยาบ้า จำนวน 6,155 เม็ด และยาไอซ์ 436.96 กรัม

เจ้าหน้าที่จึงไปสอบถาม นางทิพย์ลาภิน (สงวนนามสกุล) ผู้ดูแลหอพัก ว่าใครเป็นผู้เช่าห้องนี้ นางทิพย์ลาภิน จึงนำสัญญาเช่ามาให้ดู พบเป็นชื่อของนายปติวรรษ แฝงสูงเนิน นศ.วิศวะ ม.เทคโนโลยีสุรนารี อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาและอาศัยอยู่ที่ จ.นครราชสีมา และมีเลขประจำตัวประชาชน แต่มีเพียง 12 ตัว ไม่ครบ 13 หลัก เจ้าหน้าที่จึงได้นำรูปจากบัตรประชาชนมาให้เจ้าของหอพักยืนยัน เจ้าของหอพักยืนยันว่า นายปติวรรษ เป็นผู้เช่า เจ้าหน้าที่จึงขอออกหมายจับทันที

ต่อมา เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2564 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับเข้าจับกุม นานปติวรรษ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางมด ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่นายปติวรรษ ปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าตนไม่รู้เรื่อง และไม่เคยไปกรุงเทพแล้วตั้งแต่เกิด แต่ก็ถูกส่งตัวฝากขังไปแล้วเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา

ครอบครัวได้ขอยื่นประกันตัว 2 ครั้ง ในวันที่ 8 เม.ย.2564 และ 16 เม.ย.2564 แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง ถึงขั้นประหารชีวิต ศาลเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

ซึ่งทนายเจมส์ ได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ โดยระบุว่า การจับกุมของเจ้าหน้าที่ อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีเพียงชื่อและนามสกุลของนายปติวรรษ ในสัญญาเช่า ไม่มีสำเนาบัตรประชาชน เลขประจำตัวประชาชนที่ลงในสัญญาเช่าก็ไม่ครบ 13 หลัก ไม่มีหลักฐานการเข้าพักในหอพักดังกล่าว และนายปติวรรษ ไม่เคยมากรุงเทพเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งยังมีพยานบุคคลยืนยันที่อยู่และเวลาให้กับนายปติวรรษ ว่า วันที่ 20 ก.ย. 2563 นายปติวรรษ เข้าสอบในมหาวิทยาลัยฯ และวันที่ 21 ก.ย. 2563 มีหลักฐานการเข้าโปรแกรม Zoom เพื่อเรียนออนไลน์

ด้าน ครอบครัวของ นายปติวรรษ กล่าวว่า นายปติวรรษ เป็นเพียงเด็กที่ตั้งใจเรียนคนหนึ่ง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับ ยาเสพติด และไม่เคยเดินทางมากรุงเทพฯแม้แต่ครั้งเดียว ครอบครัวยืนยันและมั่นใจว่านายปติวรรษ ไม่ได้กระทำความผิดตามคดีดังกล่าว ตอนนี้เป็นห่วงสภาพจิตใจของนายปติวรรษมาก ที่ต้องเข้าอยู่ในคุกทั้งที่ไม่ใช่คนผิด อยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือด้วย ตอนนี้ต้องการเพียงอยากให้นายปติวรรษได้ประกันตัว เพื่อสู้คดีและพร้อมแสดงความบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ ไม่หลบหนีแน่นอน เพราะไม่ใช่คนผิด

เรื่องนี้อีจันตามต่อค่ะ ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต้นสายปลายเหตุเป็นมาอย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือมีอะไรมากกว่านั้น ต้องมีคำตอบให้สังคมรับรู้ค่ะ