วันนี้ (10 เม.ย. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความยินดีต่อกระแสความนิยมของประเทศไทย ที่ยังคงเป็นประเทศตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของหมู่ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างชาติ โดย ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ถือเป็น 1 ใน 5 F ของอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ ที่รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อน และ ผลักดัน “Soft Power” ความเป็นไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรนให้กองถ่ายภาพยนตร์ โทรทัศน์ โฆษณา สามารถถ่ายทำต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19
โดยคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ สามารถเดินทางเข้ามาถ่ายทำ ภาพยนตร์ ในประเทศไทยได้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 จนถึง 16 มี.ค. 65 มีภาพยนตร์ต่างประเทศ 196 เรื่อง เดินทางเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย โดย 86 เรื่องมีทีมผลิตเป็นของตัวเอง และผู้สร้างภาพยนตร์ 86 คนนี้มาจาก 33 ประเทศ สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยถึง 4.24 พันล้านบาท
นายธนกร เปิดเผยว่า โดย 5 ประเทศ ที่เดินทางมาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในช่วงเวลาดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย ฝรั่งเศส สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ซึ่ง 3 ประเทศที่ใช้จ่ายในการสร้างภาพยนตร์มากที่สุดในประเทศไทยในช่วงเวลานั้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 1.95 พันล้านบาท ออสเตรเลีย 702 ล้านบาท และฮ่องกง 616 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้รัฐบาลได้ผลักดันวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) มวยไทย (Fighting) และการอนุรักษ์และขับเคลื่อน เทศกาล ประเพณีสู่ระดับโลก (Festival) โดยเชื่อมั่นว่ายังจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมส่งออกสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังยุคโควิด -19 ที่สำคัญของไทย
นโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จ ของการบูรณาการการทำงานอย่างแข็งขันของทุกฝ่าย ที่มุ่งผลักดันนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดรายได้แก่เศรษฐกิจไทย ทั้งภาพรวม และระดับท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นโอกาสเผยแพร่ความงดงามของศิลปวัฒนธรรมไทย และธรรมชาติอันหลากหลาย และอุดมสมบูรณ์ ที่เผยแพร่ไปสู่สายตาของชาวโลกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาได้หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย และเป็นหนึ่งในนโยบายที่นายกรัฐมนตรีผลักดัน soft power เพื่อแก้ปัญหามิติเศรษฐกิจของชาติ