ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ระบุ ปัญหาสิ่งแวดล้อม แม่น้ำโขง พุ่งสูง อัด ไม่ใช่ของใครประเทศเดียว

หยุดหายนะ! ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ เผย ผลกระทบสิ่งแวดของ แม่น้ำโขง เพิ่มขึ้นอย่างมาก ชี้ รับ กลุ่มทุน ต้นตอปัญหา ระบุ ต้อง มองสายน้ำคือชีวิต

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ Niwat Roykaew

โดยเนื้อ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ ในแม่น้ำโขง เนื้อหาข้อความดังกล่าวระบุว่า

“ 24 ปีกับการเข้าร่วมก่อตั้งกลุ่มรักษ์เชียงของ

21 ปีกับการทำงานอย่างต่อเนื่องกับการปกป้องแม่น้ำโขง เห็นความเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำซึ่งเกิดจากการพัฒนา คือ เขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนบน เป็นระยะเวลาร่วม 20 ปี จากเขื่อนตัวที่1ถึงตัวที่ 11และอีก2 เขื่อนตอนล่าง ไซยะบุรีและดอนสะโฮง ผลกระทบสะสมเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆการขึ้นลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขงผันผวนหนักไม่เป็นไป ตามธรรมชาติ ตามฤดูกาลซึ่งเกิดจากการควบคุมด้วยผลประโยชน์ของเขื่อนในการผลิตกระแสไฟฟ้า การเดินเรือพาณิชย์ในฤดูแล้ง

ตรรกะหรือความคิดของผู้สร้างเขื่อนให้เหตุผลและประโยชน์ของเขื่อนจีนมาตลอดว่า การกักน้ำในฤดูน้ำหลาก และการปล่อยน้ำในฤดูแล้ง คือการช่วยเหลือประเทศท้ายน้ำเป็นการป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝน และภัยแล้งในฤดูแล้ง ความคิดและการกระทำเช่นนี้จึงทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศและผู้คนตลอดสายน้ำโขง

ธรรมชาติแม่น้ำโขงการขึ้นลงของระดับน้ำจะเป็นไปตามฤดูกาล น้ำจะเริ่มยกระดับเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนฝนใหม่มาเดือนพฤษภาคม สีของแม่น้ำจะเริ่มขุ่นขึ้นจากตะกอน น้ำยกระดับขึ้นเรื่อยๆจนถึงเดือนสิงหา ถึงกันยา น้ำจะถึงระดับสูงสุดในรอบปี ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่แม่น้ำโขงจะไหลย้อนเข้าไปในแม่น้ำสาขา

บางปีน้ำมากแม่น้ำโขงจะไหลย้อนเข้าไป 30ถึง40 กิโลเมตร(แม่น้ำอิง สาขาแม่น้ำโขง) เมื่อแม่น้ำโขงเอ่อไหลเข้าไปแม่น้ำสาขาทำให้น้ำเข้าไปท่วมพื้นที่ป่าชุ่มน้ำ หรือ Wetland ปลาจำนวนมากมายจากแม่น้ำโขงจะอพยพเข้าไปวางไข่ ขยายพันธุ์ และเจริญเติบโตในพื้นที่เหล่านี้ซึ่งมีอยู่จำนวนมากตามแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง และปริมาณน้ำจำนวนมากมายที่ไหลย้อนเข้าไปก็จะถูกเก็บกักอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำในหนองน้ำธรรมชาติทำให้เกิดความชุ่มชื้นและรักษาระบบนิเวศน์ของแม่น้ำ

จากการที่เขื่อนกักน้ำในฤดูน้ำหลากทำให้น้ำต้นทุนจากฝนและการละลายของหิมะที่เคยไหลลงมาตลอดหายไป ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจึงต่ำกว่าที่เคยเป็นมาแต่ในอดีตเมื่อน้ำไม่ไหลเข้าไปยังแม่น้ำสาขา ปลาไม่สามารถเข้าไปวางไข่ พื้นที่ชุ่มน้ำน้ำไม่ท่วมเกิดความแห้งแล้งมีปัญหากับปริมาณน้ำในแม่น้ำสาขา

บางปีน้ำมากแม่น้ำโขงจะไหลย้อนเข้าไป 30ถึง40 กิโลเมตร(แม่น้ำอิง สาขาแม่น้ำโขง) เมื่อแม่น้ำโขงเอ่อไหลเข้าไปแม่น้ำสาขาทำให้น้ำเข้าไปท่วมพื้นที่ป่าชุ่มน้ำ หรือ Wetland ปลาจำนวนมากมายจากแม่น้ำโขงจะอพยพเข้าไปวางไข่ ขยายพันธุ์ และเจริญเติบโตในพื้นที่เหล่านี้ซึ่งมีอยู่จำนวนมากตามแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง และปริมาณน้ำจำนวนมากมายที่ไหลย้อนเข้าไปก็จะถูกเก็บกักอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำในหนองน้ำธรรมชาติทำให้เกิดความชุ่มชื้นและรักษาระบบนิเวศน์ของแม่น้ำ

จากการที่เขื่อนกักน้ำในฤดูน้ำหลากทำให้น้ำต้นทุนจากฝนและการละลายของหิมะที่เคยไหลลงมาตลอดหายไป ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจึงต่ำกว่าที่เคยเป็นมาแต่ในอดีตเมื่อน้ำไม่ไหลเข้าไปยังแม่น้ำสาขา ปลาไม่สามารถเข้าไปวางไข่ พื้นที่ชุ่มน้ำน้ำไม่ท่วมเกิดความแห้งแล้งมีปัญหากับปริมาณน้ำในแม่น้ำสาขา

การปล่อยน้ำในฤดูแล้งก็เป็นเรื่องของการผลิตกระแสไฟฟ้าและการเดินเรือ การปิด เปิดเขื่อนทำให้เกิดการผันผวนของระดับน้ำมีผลกระทบกับระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต เช่น

นกท้องถิ่น นกอพยพจากตอนเหนือจำนวนมากที่อาศัยและวางไข่ตาม หาด ดอนเมื่อเขื่อนปล่อยน้ำรังนกที่วางไข่ตามหาดดอนก็ถูกน้ำท่วม ตลอดสายน้ำโขง การผันผวนของระดับน้ำ การหายไปของตะกอนปรากฎการณ์แม่น้ำโขงเป็นสีฟ้า ทำใหเกิดการพังทลายของตลิ่งแม่น้ำโขง จึงเกิดการก่อสร้างเขื่อนกั้นตลิ่งตลอดชายแดนแม่น้ำโขงเป็นระยะทางกว่า800กิโลเมตร กิโลเมตรละประมาณ 120 ล้านบาทหมดเงินจากภาษีประชาชนเกือบแสนล้านบาท ทั้งยังเกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศริมฝั่งอีก

และสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งจากการศึกษา ของเอมอาร์ซีพูดถึงตะกอนจะหายไปจากปากแม่น้ำโขง 97 เปอเซนต์ หากมีการสร้างเขื่อนแม่น้ำโขงตามแผน นี่คือหายนะของแม่น้ำโขงกำลังคืบคลานเข้ามา

ปัญหาและผลกระทบต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นกับแม่น้ำโขงต้องได้รับการแก้ไข ด้วยการมองแม่น้ำโขงคือแม่ของพวกเรา ไม่ว่า จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชาเวียดนาม เราดื่มน้ำสายเดียวกัน ประชาชนต่างได้รับผลกระทบ แต่การมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายนับตั้งแต่อดีตยังไม่เคยมี อำนาจและการควบคุมแม่น้ำโขงคงอยู่แต่ในกลุ่มรัฐ และกลุ่มทุนเท่านั้น การทำให้เกิดความเป็นธรรมกับแม่น้ำโขงและคนลุ่มน้ำโขงประเทศที่เข้าร่วมพัฒนาแม่น้ำโขงต้องมองเห็นประชาชน มองเห็นแม่น้ำคือชีวิต คือการแบ่งปันการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แม่น้ำโขงหาใช่เป็นของกลุ่มทุน หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง”