ทำไมถึงพาลูก เข้าไปอยู่ในวงจร ยานรก นี้ด้วย?
เมื่อวานนี้ 26 ตุลาคม 2564 พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผกก.สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากพยาบาล โรงพยาบาลสตึก ว่ามีญาติผู้ป่วยโรคโควิด นำสิ่งของต้องสงสัยมาฝากให้ผู้ป่วย
ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ ที่โรงพยาบาล
จากการตรวจสอบ พบว่า สิ่งของต้องสงสัย มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 5 ถ้วย , กาแฟ 10 ซอง และยาเส้นอีก 1 ห่อ อยู่ในถุงพลาสติก
เมื่อตรวจสอบภายในซองยาเส้น ปรากฎว่า มียาบ้า บรรจุกระดาษฟอยด์ จำนวน 8 เม็ด
โดยระบุผู้รับของ คือ นายอนุชา อายุ 41 ปี เป็นผู้ป่วยโควิด กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลสตึก
จากการสอบถาม พยาบาล เล่าว่า ผู้ที่นำของมาฝากไว้ คือนายอุทัย อายุ 39 ปี มาพร้อมกับลูกสาววัย 13 ปี ซึ่งพยาบาลได้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา ตำรวจ สภ.สตึก ได้ไปเชิญตัว ผู้ต้องสงสัย นายอุทัย มาสอบถาม เจ้าตัว อ้างว่า ไม่รู้เรื่องว่าของข้างในคือยาบ้า เพราะมีป้าที่รู้จัก วานให้ตนนำของมาให้ นายอนุชา ที่ป่วยโควิด รักษาตัวอยู่ในโรงพบาบาล
ส่วนที่พาลูกสาววัย 13 ปี มาด้วย เพราะตนเขียนหนังสือไม่เป็น จึงให้ลูกเขียนชื่อคนรับของให้
จากนั้น ตำรวจได้นำกำลัง ไปค้นบ้านผู้ต้องหา นายอุทัย ปรากฏว่าพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน จำนวน 100,000 บาท และทองรูปพรรณอีก 5 บาท กับอีก 50 สตางค์ จึงยึดไว้เป็นหลักฐานเอาไว้ก่อน
ตำรวจขยายผลต่อ ได้เชิญตัวนางเสาวนี อายุ 39 ซึ่งเป็นคนที่ผู้ต้องสงสัย นายอุทัย อ้างว่า เป็นคนวานให้เขานำของไปฝาก ให้นายอนุชา
นางเสาวนี อ้างว่า เธอไม่รู้ว่าของด้านในคือยาบ้า และไม่รู้ว่าใครวานให้ฝากต่อ เธอจำได้เพียงว่าเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์นำของมาฝากไว้ ให้นายอนุชา
ถ้าเธอรู้ว่า ของด้านในเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เธอจะไม่รับฝากโดยเด็ดขาด
จากการสอบสวน ทั้งพยาน หลักฐาน ตำรวจเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกัน
เบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อหา ”ร่วมกันพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย”