พล.อ.อนุพงษ์ เผย รัฐบาลแก้ปัญหายากจนไปได้แล้วกว่า 92%

พล.อ.อนุพงษ์ เผย รัฐบาลพร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ประชาชน โดยยึดหลักธรรมาภิบาล แก้ปัญหาจนไปได้แล้วกว่า 92%

วันนี้ (6 ก.ค. 65) ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการส่วนกลางประจำภูมิภาคในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุมผ่านระบบ Video Conference

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่า ตามที่รับบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยกลไก ศจพ. ได้มีการดำเนินการทุกระดับ เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดและมีความคืบหน้าตามลำดับ โดยต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอรวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วน ที่ร่วมกันสำรวจ รวบรวม และแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง

โดยขณะนี้สามารถดำเนินการแก้ไขไปแล้วกว่าร้อยละ 92.37 และเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการนำจำนวนประชาชนกลุ่มเป้าหมายบางส่วนที่ไม่ได้อยู่ในระบบ TPMAP มาเป็นเป้าในการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม โดยหากเป็นสภาพปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ให้จังหวัดและอำเภอดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์ต้องทำเลย แต่หากเป็นสภาพปัญหาที่ต้องบูรณาการหน่วยงานให้ดำเนินการต่อเนื่องตามอำนาจหน้าที่ต่อไป รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบปัญหา และหากเป็นสภาพปัญหาที่เกินอำนาจหน้าที่ ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะปัญหายาเสพติดส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนระบบบริการสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน

กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่ในการบังคับบัญชา กำกับดูแล และบูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนราชการ/หน่วยงานในพื้นที่ ให้การปฏิบัติราชการเป็นไปด้วยความโปร่งใสและการทำงานตามอำนาจหน้าที่ โดยยึดหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชน เพราะกระทรวงมหาดไทยมีองคาพยพทุกกลไกที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร หอกระจายข่าว เครือข่ายสถานีวิทยุชุมชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลของภาครัฐทั้ง 20 กระทรวง ในการบูรณาการสร้างการรับรู้สู่ชุมชน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวอีกว่า ในด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยกลไก ศจพ. ได้มีการดำเนินการทุกระดับ เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดและมีความคืบหน้าตามลำดับ โดยต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอรวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วน ที่ร่วมกันสำรวจ รวบรวม และแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง

โดยขณะนี้สามารถดำเนินการแก้ไขไปแล้วกว่าร้อยละ 92.37 และเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการนำจำนวนประชาชนกลุ่มเป้าหมายบางส่วนที่ไม่ได้อยู่ในระบบ TPMAP มาเป็นเป้าในการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม โดยหากเป็นสภาพปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ให้จังหวัดและอำเภอดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์ต้องทำเลย แต่หากเป็นสภาพปัญหาที่ต้องบูรณาการหน่วยงานให้ดำเนินการต่อเนื่องตามอำนาจหน้าที่ต่อไป รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบปัญหา และหากเป็นสภาพปัญหาที่เกินอำนาจหน้าที่ ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะปัญหายาเสพติดส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนระบบบริการสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน