ภัยเงียบไม่รู้ตัว แผลเล็กนิดเดียว ลุยน้ำครั้งเดียว เกือบได้ผ่าตัด

ภัยเงียบที่มาพร้อมน้ำท่วม แผลเท่าหัวไม้ขีดไฟ แต่กลับติดเชื้อลามทั้งขา ใครลุยน้ำ อย่าชะล่าใจ เดี๋ยวเป็นเหมือนพระอาจารย์ครรชิต

ภัยเงียบที่มาในน้ำท่วม ต้องระวังนะ!

พระอาจารย์ครรชิต อกิญจโน พระอาจารย์วัดวีรวงศาราม จ.ชัยภูมิ แชร์ประสบการณ์ หลังจากที่ลุยน้ำท่วมแจกถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ขาพระอาจารย์กลับมีแผลเล็กที่เป็นช่องทางให้แผลติดเชื้อ

โดยพระอาจารย์ เล่าว่า หลังจากที่ปิดคอร์สปฏิบัติธรรมที่ธรรมสถานว่องวานิช พระอาจารย์ก็ได้เดินทางกลับวัด ปรากฏว่ามีอาการไข้ขึ้นหนักมาก ตอนแรกก็กลัว จะเป็นโควิด ตัดสินใจดูตัวเองสักพักหนึ่ง จึงเดินทางไปหาหมอที่ รพ.ชัยภูมิ ปรากฏว่าไม่ได้เป็นโควิดแต่มีอาการเป็นอาการติดเชื้อที่ขาแทน พระอาจารย์ครรชิต ทบทวนตัวเองจึงจำได้ว่า ตนเองนั้นได้ไปลุยน้ำแจกของถุงยังชีพและไปเบิกเงินเพื่อซื้อของที่ธนาคารตรงห้าแยกโนนไฮ ตรงนั้นน้ำท่วมขังและที่ขามีแผลเล็กๆก็เลยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร เพราะว่าเมื่อกลับถึงวัดก็อาบน้ำชำระล้างร่างกายสะอาดสอ้านอย่างดี เพื่อป้องกันตัวเองไม่มีโรคภัยเบียดเบียน แต่แล้วแต่แผลเล็กๆนั้นกลับกลายเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายพระอาจารย์ ผ่านการฟักตัวห้าวัน พระอาจารย์ก็เริ่มเป็นไข้สะบัดร้อนสะบัดหนาวอย่างแรง จนสุดท้ายต้องมาโรงพยาบาลชัยภูมิ เมื่อตรวจเช็กเรียบร้อยแล้วไม่ได้เป็นโควิด คราวนี้ปรากฏว่าเชื้อมันได้ปะทุขึ้นคือมันทำให้ร่างกายพระอาจารย์ตรงขาด้านขวาปวดร้าวตั้งแต่โคนขาลงไปถึงข้อเท้าลงไปถึงแผลนั่นเอง และเป็นแผลพุพอง จนน้ำเหลืองไหลออกมา

พระอาจารย์ครรชิต จึงต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้พยาบาลฆ่าเชื้อให้ จนกว่าเชื้อในร่างกายจะหมด

แผลที่ติดเชื้อ เริ่มลุกลามอย่างรวดเร็ว ตามภาพที่เห็น

คุณหมอสั่งพระอาจารย์ งดน้ำงดอาหารเพราะอาจจะต้องผ่าตัด เพราะตอนที่คุณหมอตรวจนั้น บางจุดมันช้ำ เหมือนเชื้อจะกินเข้าไปในกล้ามเนื้อ คุณหมอก็เลยคิดว่าอาจจะต้องผ่าตัดเพื่อกรีดเข้าไปในเนื้อ ดูแลทำความสะอาดชำระเอาเชื้อออก

แต่แล้วศัลยแพทย์ก็ได้มาเช็กดู ยืนยันว่าอาจจะต้องผ่าตัดที่ห้องผ่าตัด แต่ตอนนี้จะต้องเอกซเรย์ก่อนเพื่อดูว่าเชื้อลุกลามไปถึงไหนแล้วบ้าง

เมื่อเอ็กซเรย์เสร็จแล้ว คุณหมอศัลยแพทย์ก็ได้บอกว่า คงไม่ต้องผ่าตัดใหญ่แต่จะกรีดเอาหนังที่ตายและเนื้อที่ตายที่ทั้งหมดนี้ออกให้หมด และจะเช็กดูอีกที ว่าสมควรจะต้องผ่าตัดใหญ่ไหม

จากนั้นกระบวนการการกรีดเอาเนื้อตาย ก็เริ่มขึ้น

พระอาจารย์บอกว่า ไม่มี ยาชาใดๆ

เรารู้สึกว่าคราวนี้แหละเราจะได้เรียนรู้กันสดๆถึงผัสสะถึงเวทนาถึงความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ต่างๆมันจะเกิดอะไรขึ้นไหม จากนั้นก็ตั้งสติคอยรับรู้ เมื่อคมมีดค่อยๆ กรีดอย่างรวดเร็วไปตามผิวหนังถี่ยิบต้องบอกเลยว่าถี่ยิบ เราก็รับรู้ จากนั้นคุณหมอก็ใช้วัตถุที่เราคิดว่าน่าจะเป็นกรรไกร ค่อยๆแซะแล้วก็ลอกเอาหนังที่ตายและเนื้อที่ตายบางส่วนออก น่าจะเยอะพอสมควรเพราะรับรู้ได้เลยว่ารอบขาด้านขวานี้ถูกกรีดจนหมด จากนั้นคุณหมอก็ขอให้งอขาไปข้างหลังเพื่อจะได้กรีดด้านหน้าแข้ง ซึ่งก็เยอะอีก สุดท้ายแล้วก็คือหมดทั้งขานั่นแหละ คุณพยาบาลบอกว่า ถ้าจะทำแผลไม่ยากแต่มันยากเพราะท่า ได้หัวเราะกันไป ใช้เวลาอยู่ประมาณเกือบ 30 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย แม้จะถูกกรีดขาเอาหนังที่ตายและเนื้อที่ตาย แต่กลับรู้สึกสบายขึ้น มันเหมือนกับว่าอะไรที่มันเป็นภาระเกาะกุม มันถูกเอาออกไปเพราะฉะนั้นขาก็เลยรู้สึกว่ามันโล่งโปร่งเบาขึ้นแต่น่าจะเจ็บตอนหลังนะเพราะว่าตอนนี้ยังไม่เจ็บ”

นี่คือภัยเงียบ ที่เงียบจริงๆ

แต่สร้างผลกระทบใหญ่โต กลายเป็นแผลติดเชื้อ เกือบได้ผ่าตัด

พระอาจารย์ครรชิต ยังฝากบอกอีกว่า อย่าประมาทเพียงเล็กน้อย แผลที่ข้อเท้าเท่าหัวไม้ขีด กลับส่งผลให้พระอาจารย์ได้รับแผลเท่าปลีน่องและหน้าแข้งด้านขวาทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ก็กำลังประเมินต่อคือให้ยาฆ่าเชื้อและการให้ยาฆ่าเชื้อนั้นตอบสนองอย่างดี ไม่มีการลุกลามไปกว่านี้ ก็คงไม่มีการผ่าตัดอีก ฝากไว้นะอย่าประมาทแม้เพียงเล็กน้อย ขออนุโมทนากับท่าน

คลิปอีจันแนะนำ
“หมดตัวแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว” #น้ำท่วมสระบุรี