รองอธิบดี อช. แถลง รวบกะเหรี่ยงบางกลอย 22 คน

นายประกิต รองอธิบดี อช. แถลง รวบกะเหรี่ยงบางกลอย 22 คน ฝากขังศาลเรียบร้อย

วันนี้ (5 มี.ค. 64) นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย มอบนโยบายการแก้ปัญหาในบ้านโป่งลึกบางกลอย ให้ทำความเข้าใจเน้นเรื่องการพัฒนา ทำอย่าไรให้พี่น้องเป็นอยู่ดีขึ้น

ก่อนหน้านี้ ทางกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับหลายหน่วยงาน ในการแก้ไขปัญหาเรื่องพี่น้องบ้านโป่งลึกบางกลอย มาตลอด ตั้งแต่เรื่องการจัดที่ดิน เรื่องสิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

ในปัจจุบันที่เราได้รับนโยบายในการเร่งรัดพัฒนาแก้ไขปัญหาในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งบางพื้นที่อาจจะไม่มีน้ำ ดินอาจจะไม่สมบูรณ์ ปัจจุบันกรมทรัพย์ยากรณ์น้ำฯ และกรมทรัพย์ยากรณ์น้ำบาดาล ได้เข้าไปร่วมกับชุมชนเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม ให้พี่น้องบ้านโป่งลึกบางกลอยได้ใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งเป็นลักษณะของการเปลี่ยนแปลงเรื่องการเกษตร ปัจจุบันจะเห็นว่ารูปแบบของการเกษตรของบ้านโป่งลึกบางกลอย ร้อยละ 80-90 เปอร์เซ็นต์ เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการปลูกพืชแบบผสมผสาร โดยองค์ประกอบสำคัญก็คือน้ำ ซึ่งกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ต้องการเปลี่ยนรูปแบบการทำเกษตร ให้ใช้พื้นที่น้อยลงแต่เพิ่มผลผลิตที่มากขึ้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ถ้ายังมีการปลูกพืชหมุนเวียน ทำไร่หมุนเวียนแบบเดิม จะต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ต้นน้ำของต้นน้ำเพชร เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญของคนทั้งประเทศ และคนเพชรบุรี

โดยส่วนราชการต้องการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เราจะไม่ทอดทิ้ง และจะทำให้ดีที่สุด แต่จะต้องใช้เวลาต้องหันหน้าเข้ามาคุยกัน สิ่งไหนที่ราษฎรเดือดร้อน เราจะเร่งรัดดำเนินการแก้ไข

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น จากการใช้ประโยชน์ที่เรามีการสำรวจตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ ปี 2562 เราได้ดำเนินการตามมติ ครม. วัน 26 พ.ย. 61 รวมทั้งมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541

จากการสำรวจไว้เดิมทีปรากฏว่า มีการขยายพื้นที่หลังจากที่เราดำเนินการตาม พ.ร.บ.ใหม่ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ ว่าจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นมาจากที่ใด ทางกระทรวงฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อมาร่วมกันพิจารณาว่า เป็นการเพิ่มประชากร หรือการอพยพมาจากที่อื่น ฉะนั้นหากเราร่วมกันตรวจสอบที่มาอย่างชัดเจน คิดว่าการแก้ไขปัญหาตรงนี้คงไม่มีปัญหา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากว่ามีราษฎรบางกลุ่ม คาดว่าไม่ถึง 5% ของประชากรที่อยู่ในบ้านบางกลอย เข้าไปบุกรุกเข้าไปถางป่าเพื่อที่จะทำไร่ ซึ่งตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง เดือน ก.พ. ปรากฏว่ามีพื้นที่บุกรุกไปประมาณ 157 ไร่

ล่าสุดวันนี้ (5 มี.ค. 64) ปรากฏว่ามีการบุกรุกเพิ่มอีก 1 แปลง ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า การบุกรุกเข้าไปยังมีการเพิ่มการบุกรุกมากขึ้นตลอดเวลา กระทั้งที่มีการสนธิกำลังแต่งตั้งแก้ไขปัญหาราษฎรในบ้านบางกลอย ตามหมายจับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ขอหมายศาล จำนวน 30 แปลง และวันนี้เราได้ปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น ได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมาย เจ้าหน้าที่เองก็ได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างรอบครอบ

เราคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่ถ้าเราไม่ดำเนินการในวันนี้ เราคาดว่า จะมีการเพิ่มการบุกรุกมากขึ้น จากเดิมที่เราสำรวจไว้เมื่อเดือน ก.พ. ประมาณ 39 ราย ในวันนี้ที่เราพบอยู่ในพื้นที่จำนวน 87 ราย โดยมีผู้ที่อยู่ในหมายศาล 22 ราย ไม่อยู่ในหมายศา 65 ราย

ใน 65 รายนี้ เราก็จะมาดูในฐานความผิด ถ้าเป็นกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ตามมาตราที่ 20 ก็จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งมีการเปรียบเทียบปรับไป 28 ราย ส่วนเด็ก 37 ราย เราก็ไม่ได้ดำเนินคดีเนื่องจากว่าเป็นเด็ก อาจจะมากับผู้ปกครอง

ในการปฏิบัติครั้งนี้ เรามีหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่ขั้นตอนตรวจสุขภาพ มีคุณหมอจาก รพ.แก่งกระจาน โดยเห็นว่า เด็กที่ขึ้นไป มีไข้ และเป็นโรค เป็นเรื่องที่น่าสงสารที่เด็กขึ้นไปพื้นที่ตรงนั้น แล้วต้องป่วยไข้

ซึ่งในบ้านโป่งลึกบางกลอย เรามีระบบสาธารณสุข มีการดูแลสุขภาพที่ดี ส่วนที่บ้านเข้าไปบุกรุก ห่างไปจากหมู่บ้านเดิม เดินเข้าไปถึง 3 วัน ฉะนั้นจะไม่มีระบบสาธารณสุข

นอกจากนี้ ยังมีจิตแพทย์ ตรวจสุขภาพ เยี่ยวยา ในทุกขั้นตอน เรายืนยันว่า เราดำเนินการทั้งหมดตามขั้นตอน และปฏิบัติต่อประชาชนอย่างดี

ด้าน พ.ต.อ.จิรัฏฐ์ โรจน์บวรวิทยา ผกก.สภ.แก่งกระจาน เผยว่า จากการรับตัวผู้ต้องหาจากชุดจับกุม ทั้งหมด 22 คน โดย 20 แรก เป็นคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บุกรุก อีก 1 คน เราได้รับจากมวลชนที่มาที่หน้าอุทยาน และอีก 1 คน เรารับมาจากเจ้าหน้าที่อุทยาน โดยการล่องแพมาจากแม่น้ำด้านบน

ในการสอบสวนทั้ง 22 คนนี้ มีทนายความมาร่วมรับฟังการสอบปากคำ และมีร่ามมาร่วมสอบปากคำเนื่องจากบางคน ฟังพูดภาษาไทยไม่ได้ หลังสอบสวนเสร็จ ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งศาลท่านได้อนุญาตทั้งหมด 22 คน ซึ่งเราได้นำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำใหม่ที่เขากลิ่ง เรียบร้อยทั้งหมด