รู้หรือไม่ กัญชง – กัญชา ต่างกันอย่างไร ?

หลังจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ปลด “ใบกัญชา ใบกัญชง” พ้นบัญชียาเสพติด ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และสุขภาพตามวิถีพื้นบ้าน ตามที่อีจัน ได้นำเสนอไปนั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม อย. ปลดล็อก กัญชา กัญชง พ้นบัญชียาเสพติด

ก็มีนักธุรกิจ จากหลายด้าน หันมาจับธุรกิจที่เกี่ยวกับ กัญชง กัญชา จำนวนไม่น้อย

แม้แต่ เฮียฮ้อ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานบริหาร ค่ายเพลงชื่อดัง อย่าง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)

ที่ล่าสุด ก็นำใบกัญชง มานำตลาด functional drink ด้วยเครื่องดื่มวิตามินซี CAMU C ที่มีสารสกัดจากใบกัญชง

ทำไมเฮียฮ้อ เลือกจับธุรกิจกัญชง ?

คำตอบนี้ คงต้องเริ่มจากคำถาม กัญชง – กัญชา ต่างกันอย่างไร ?

ซึ่ง อีจัน เจอข้อมูลจาก Medthai เว็บไซต์ของทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์

ได้ให้ข้อมูล สรรพคุณ และลักษณะ เรื่องกัญชา และ กัญชง ไว้ว่า

กัญชง และ กัญชา เป็นพืชคนละชนิด แต่มีต้นกำเนิดมาจากพืชชนิดเดียวกัน

กัญชง

ลักษณะของใบเป็นรูปฝ่ามือ แผ่นใบแก่แยกเป็นแฉกประมาณ 7-9 แฉก การเรียงตัวของใบค่อนข้างห่าง ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยและเว้าลึกจนถึงโคนใบ ปลายใบสอบและเรียวแหลม ก้านใบยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร เมื่อมีการสร้างดอกจำนวนแฉกของใบจะลดลงตามลำดับ

สรรพคุณของกัญชง

1. ใบมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต ท้องร่วง โรคบิด บรรเทาอาการเจ็บปวด คลายกล้ามเนื้อ รักษาโรคเกาต์ เด่นที่สุดคือ ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น ช่วยนอนหลับสบาย ช่วยอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะหรือไมเกรน และแก้กระหาย

2. ภูมิปัญญาของชาวม้งจะใช้เมล็ดสดเป็นยาสลายนิ่ว โดยนำมาเคี้ยวสด ๆ

3. ช่อดอก นิยมสกัดเอาสารกลุ่ม Phytocannabinoids ที่มีคุณสมบัติทางยา ที่มี CBD สามารถบริโภคโดยตรง หรือนำไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มได้ โดยสาร CBD ได้รับการยืนยันจาก WHO แล้วว่าไม่ใช่สารเสพติดและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ส่วน ต้นกัญชา มีความแตกต่างจากกัญชงชัดเจนคือ ใบกัญชา ใบเป็นใบเดี่ยว รูปฝ่ามือ ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบแตกออกเป็นแฉก ๆ ประมาณ 5-8 แฉก แต่ละแฉกจะรูปร่างอ้วนกว่าใบกัญชง มีกลิ่นเหม็นเขียว

โดยกรมสุขภาพจิต ให้ข้อมูลไว้ว่า ในกัญชา มีสาร THC หากได้รับมากเกินไป จะเกิดอาการมึนเมา ปากแห้ง กระหายน้ำ หัวใจเต้นเร็ว ตอบสนองช้า ตาแดง หรือความทรงจำลดลง จำเป็นจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์

แต่อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวขณะแจ้งการปลดล็อค กัญชงกัญชาไว้ว่า สาระสำคัญของ (ร่าง) ประกาศฯ ฉบับนี้กำหนดให้ส่วนต่าง ๆ ของพืช กัญชา และ กัญชง เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ปลูก ผลิต หรือสกัดในประเทศไทย ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ได้แก่

1. เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก

2. ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย

3. สารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (CBD) เป็นส่วนประกอบ และมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก

4. เมล็ด กัญชง น้ำมันจากเมล็ด กัญชง หรือสารสกัดจากเมล็ด กัญชง

นอกจากเรื่องสรรพคุณแล้ว ข้อมูลจาก วิจัยกรุงศรีได้ออกมาประเมินว่า ในปี 2564 อุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีกัญชงผสมจะมีมูลค่า 280 ล้านบาท รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชง 240 ล้านบาท ยาและอาหารเสริมจากกัญชง 50 ล้านบาท เครื่องแต่งกายที่ทำด้วยใยกัญชง 30 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลประเมินว่ายังอยู่ในช่วงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นหลักในปีแรก ทั้งนี้ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการนำกัญชงไปใช้มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท

และยังได้ประเมินว่าผลิตภัณฑ์กัญชงไทยจะเติบโตอย่างมากในช่วง 5 ปีแรก หลังรัฐปลดล็อคการประกอบธุรกิจ

โดยตลาดกัญชงไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 15,770 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 126% ต่อปี

ทั้งเรื่องสรรพคุณและปัจจัยทางเศรษฐกิจของกัญชง น่าจะเป็นคำตอบที่ดีว่า เพราะอะไร นักธุรกิจรายใหญ่ ถึงเริ่มหันมาจับ ธุรกิจกันชง จนกลายเป็นตลาดใหญ่ของไทยอีก 1 ธุรกิจ

แต่สำหรับนักธุรกิจที่อยากจะเริ่มเข้าสู่ตลาดกัญชง อีจัน ขอแนะนำว่า ต้องศึกษาถึงการใช้งาน แปรรูป และการผลิตให้ดีที่สุด เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค และความถูกต้องทางกฎหมาย