วิจัยและนวัตกรรม ช่วยไทย พ้น ประเทศรายได้ปานกลาง ภายใน 7 ปี

ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษาฯ เผย วิจัยและนวัตกรรม สามารถ ช่วยไทย พ้น ประเทศรายได้ปานกลาง ได้ ภายใน 7 ปี

ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานแถลงนโยบายในการพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ในการประชุมวิชาการระดับชาติภายใต้โครงการปริญญาเอกกาญจนภิเษก และโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม ประจำปี 2564 (The 2021 National RGJ and RRI Conferences) ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนไทยโดยคนวิจัยกับโจทย์ท้าทายในยุควิถีใหม่” ซึ่งจัดโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. ร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย ว่า เป้าหมายงานวิจัยและนวัตกรรมคือ การสร้างประเทศที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีความเป็นอารยะ

สำหรับกระทรวงการอุดมศึกษาฯ การที่จะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว จะต้องมีการใช้วิจัย วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาเป็นแผนในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อทำให้ประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลางให้ได้ โดยใช้ศิลปะวิทยาการทั้งปวง ไม่ใช่สอนหรือเรียนไปตามประเทศอื่นๆ ไม่ใช่ทำนวัตกรรมเพื่อนวัตกรรมอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้ในศิลปะวิทยาการ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ในการขับเคลื่อน หรือที่เรียกว่าเป็นการ “ดีด” ประเทศไทยให้พ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง

นอกจากนี้ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ยังกล่าวอีกด้วยว่า การทำวิจัยแบบเรื่อยๆ ทุกหัวข้อตามแบบชาติอื่นๆ ก็เหมือนเราเอางบประมาณมาถมในหลุมที่มีจำนวนมาก เราไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะถมหลุมทุกหลุมให้เต็ม เราต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ ต้องมีจุดโฟกัสและต้องไม่พัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องมีเป้าของเราให้ชัดเจน คือ ต้องทำให้ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้วให้ได้ภายใน 20 ปี

แต่สำหรับกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ควรทำให้ได้ภายใน 7-10 ปี ซึ่งตัวเลข 7 ปีนี้เอามาจากการที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมหน่วยงาน สถาบันต่างๆ เช่น สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่มีเป้าในการส่งดาวเทียมไปโคจรรอบดวงจันทร์ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า ถือเป็นหมุดหมายที่อยากเห็น ทุกเรื่องต้องตั้งเป็นธงให้ชัดเจน

โดยการออกจากการเป็นประเทศกำลังพัฒนา ทำได้ 2 ทาง เรามีดีเอ็นเอ ที่เป็นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์อยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของเศรษฐกิจที่มาจากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เราก็ทำได้ดี แต่เราต้องเลิกความคิดที่ว่าพึ่งพาเทคโนโลยีคนอื่น ต้องเป็นนโยบายวิทยาศาสตร์แบบประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีหลักการสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่

1.อย่าทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องทำอะไรแบบก้าวกระโดดใหญ่ๆ อะไรที่จะทำให้เราก้าวกระโดดใหญ่ๆ ได้ เราต้องทำ

2.ต้องทำอะไรที่เป็นบายพาส (Bypass) หรือทางลัดให้ได้ การเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องคิดแบบมียุทธศาสตร์คือ ต้องรบให้ชนะ ไม่ว่าจะเป็นทางเลี่ยง ทางเบี่ยง ทางลัด ก็ต้องหาทางให้ได้

3.เราจะต้องทราบว่าเวลานี้เราอยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซีกตะวันออกมีความสำคัญขึ้นมาก ไม่ใช่ทางตะวันตกเท่านั้น เราต้องใช้ประโยชน์จากการขัดแย้ง และประชันขันแข่งของสองทวีปนี้ให้ได้มากที่สุด