นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 20 พ.ค. 65 โดยกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติ กำหนดแผนเบื้องต้น การปรับให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ในวันที่ 1 ก.ค. 65 ซึ่งเร็วขึ้นจากกำหนดเดิม 2 สัปดาห์ แต่ยังต้องประเมินสถานการณ์ หลังจากที่มีการเปิดเรียนไปแล้ว ระยะหนึ่งก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ในที่ประชุมได้มีมติในการปรับพื้นที่สี การระบาดโควิด โดยปรับกลุ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูง สีเหลือง จาก 65 จว. เหลือ 46 จว., เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวัง สีเขียว 14 จว., พื้นที่สีฟ้า นำร่องท่องเที่ยว เพิ่มจาก 12 จว. เป็น 17 จว. และปรับลดพื้นที่สีฟ้า ที่ดำเนินการเพียงบางจังหวัด จาก 16 จว. เหลือ 12 จว. โดยพื้นที่สีเขียว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนสีเหลือง จะมีข้อกำหนดบางอย่างควบคุมอยู่ เช่น การจัดการแข่งขันกีฬา หากเป็นในร่ม จะสามารถเปิดให้มีผู้ชมได้ ไม่เกิน 75%, กีฬากลางแจ้ง ต้องเว้นระยะตามมาตรการที่กำหนด
นอกจากนี้ยังมีการปรับข้อกำหนด ให้สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่สีฟ้าและสีเขียวเปิดให้บริการ จำหน่าย และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ถึงเวลา 24.00 น. หรือ เที่ยงคืน งดให้บริการเครื่องดื่มที่ต้องใช้แก้วร่วมกัน เมื่อถึงเวลาที่ร้านปิดแล้ว ห้ามนั่งต่อ เครื่องดื่มที่เหลือให้นำกลับบ้าน ส่วนสถานบริการในลักษณะที่ต้องใกล้ชิดกับลูกค้า เช่น อาบ อบ นวด ผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างให้บริการ ซึ่งแต่ละสถานประกอบการ จะต้องยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานที่ดูแล คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด หรือ กทม. เพื่อประเมินความพร้อมในการเปิดให้บริการ
นอกจากนี้ยังมีการปรับลดข้อกำหนด ในการเดินทางเข้ามายังราชอาณาจักรไทย โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับวัคซีน สามารถแสดงผลตรวจ Professional ATK RT-PCR ในระยะ 72 ชม.ก่อนเดินทาง และยกเลิกการกักตัว ในกลุ่มดังกล่าว แต่จะต้องเข้ารับการตรวจ Professional ATK เมื่อเดินทางมาถึง อย่างไรก็ตาม ในกรณีของชาวต่างขาติ มีการกำหนดให้ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass แต่คนไทยไม่ต้อง นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั่วราชอาณาจักร ต่อไปอีก 2 เดือน ถึงวันที่ 31 ก.ค. 65
โดยทั้งหมดนี้ จะเริ่มมีผลในวันที่ 1 มิ.ย. 65
คลิปอีจันแนะนำ
เณรไฮโซลั่น! “ฉันรวย ฉันเล่นหุ้น”