ศบค. เตรียมยกเลิก โควิด จาก UCEP ให้ใช้ สิทธิตามหลักประกันสุขภาพ แทน

ศบค. เตรียม ถอด โควิด ออกจาก UCEP และให้กลับไปใช้ สิทธิตามหลักประกันสุขภาพ แทน

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่า กรณีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ทำไมไทยจะต้องยกเลิกโรค “โควิด19” ออกจากบริการ UCEP (ยูเซ็ป) หรือการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ แล้วให้ไปใช้สิทธิตามหลักประกันสุขภาพของแต่ละบุคคล ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม หรือสวัสดิการข้าราชการ ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มีนาคมนี้นั้น ขอชี้แจงว่า หลายประเทศ เช่น ที่สวีเดน รัฐบาลสวีเดนก็ยกเลิกกฎควบคุมการแพร่ระบาดของโรค “โควิด19” เกือบทั้งหมด เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพอในการดูแลผู้ป่วย “โควิด19” ทั้งที่เป็นประเทศที่ร่ำรวยกว่าไทย ส่วนตัวจึงเห็นว่า ควรช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ และตอนนี้ต้องทำใจเพื่อเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้เป็นโรคประจำถิ่นให้ได้

ทั้งนี้จะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ แต่ยืนยันรัฐบาลจะไม่ได้มีการประกาศยกเลิกโรคโควิด-19 ออกจากบริการยูเซ็ปในทันที แต่จะให้ประชาชนมีเวลาเตรียมตัว 1-2 เดือน ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่สาธารณสุข เพราะระบบสาธารณสุขไม่ได้มีปัญหา แต่ต้องปรับตามบริบท เพราะจะเห็นได้ชัดว่า สายพันธุ์โอมิครอนไม่ทำให้มีผู้ป่วยหนัก พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไม่มีงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ฟรีแล้ว

ทั้งนี้ “UCEP” หมายถึงภาวะการณ์ที่ฉุกเฉินวิกฤต ที่ต้องไปรับบริการยังหน่วยบริการนอกระบบ ส่วนใหญ่คือ โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งที่ผ่านมา ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลฯ ได้ประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นเหตุฉุกเฉินวิกฤต

ที่ปรึกษา ศบค. ยังกล่าวถึงสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ “โควิด19” ว่า ส่วนสถานการณ์การระบาดขณะนี้ อยู่ในสิ่งที่เราได้คาดการณ์ ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข โดยวันนี้ตัวเลขอยู่ที่ 15,000 ราย และคาดว่าในช่วงปลายเดือน ก.พ. นี้ คาดการณ์ว่าจะขึ้นไปถึง 17,000-18,000 ราย ซึ่งหวังว่าจะไม่ถึง 20,000 ราย ในสิ้นเดือน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนที่ต้องช่วยกัน เข้าใจว่าที่ผ่านมาทุกคนอึดอัดมานานกว่า 2 ปี ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีการระบาดของ “โควิด19” และอยากผ่อนคลาย

ขณะนี้ผู้ที่เจ็บป่วยรุนแรงน้อยลง ถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยหนักลดลงถึง 10 เท่า ซึ่งถือเป็นข้อดีที่อาจจะรับมือสถานการณ์ได้ แต่แม้จะไม่รุนแรง ขอให้ประชาชนเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ขณะนี้วัคซีนมีจำนวนมาก แต่มีผู้ไปฉีดน้อย ซึ่งวัคซีนเข็ม 3 มีข้อมูลชัดเจนว่าช่วยป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และต้องบอกว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่อยากให้สูงถึง 20,000 ราย เพราะสัดส่วนตัวเลขผู้ป่วยหนักจะสูงขึ้น ยืนยันถ้าผู้ติดเชื้อไม่สูงเกิน 20,000 ราย กำลังด้านสาธารณสุขยังพอรับได้ เพราะมีเพียงพอทุกอย่าง ระบบได้ทำไว้ดีหมดแล้ว

คลิปอีจันแนะนำ
โรงพักวุ่น! เพราะ “บัวผัน”