ศพหายหรือท้องทิพย์ สาวร่ำไห้ รพ.ทำศพลูกหาย สุดท้าย รพ.โต้ เธอไม่ได้ท้อง?

ยุทธการจับโป๊ะ ศพหายหรือท้องทิพย์ สาวร่ำไห้ รพ.ทำศพลูกหาย สุดท้าย รพ.โต้ เธอไม่ได้ท้อง?

สรุปเรื่องนี้ยังไงกัน สรุปใครที่พูดไม่จริง เปิดไม่หมด

เรื่องราวสุดอลเวงนี้ ศพหาย หรือ ท้องทิพย์

เริ่มต้นเรื่องราวอลเวงนี้ หลังจากเฟซบุ๊กแฟนเพจดังของ จ.สุพรรณบุรี โพสต์เหตุการณ์ ขณะที่มีคนไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กซึ่งคาดว่าเป็นญาติของครอบครัวเด็ก โดยคนไลฟ์อ้างว่าหลานเสียชีวิต แต่ทางโรงพยาบาลได้ส่งร่างหลานบรรจุในโลงศพส่งมาให้ แล้วกำชับว่าไม่ให้เปิดกลัวติดเชื้อ ญาติเอะใจจึงเปิดโลง กลับไปพบศพของหลาน มีเพียงแค่เสื้อผ้า

เรื่องราวนี้สร้างความฮือฮา เมื่อคนเป็นแม่แทบขาดใจ เสียลูกไปใจแทบขาด แต่ไม่ได้แม้กระทั่งจะได้ร่างลูกกลับมาทำพิธีทางศาสนา

เรื่องนี้จึงไม่จบแน่

ต่อมาสาวผู้เสียหาย เดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยผู้เสียหายยืนยันว่าตนเองท้องจริง เพราะมีฟิล์มอัลตราซาวด์ และไปหาหมอตามนัดก่อนหน้านี้หมอได้ฉีดยาเร่งคลอดทำให้เด็กออกมาก่อนกำหนด

วันที่เธอคลอด เธออ้างเมื่อคลอดลูกของเธอเป็นแฝด ชาย 1 คน หญิง 1 คน หลังคลอดพยาบาลนำเด็กเข้าตู้อบ ลูกของตนนั้นเป็นแฝด ชาย 1 คน หญิง 1 คน แต่พยาบาลแจ้งว่าเด็กเสียชีวิตไป 1 คน คือแฝดชาย ส่วนอีกคนให้ไปรับทีหลัง ซึ่งเธอบอกอีกว่ายังให้พยาบาลไปถ่ายภาพลูกสาวที่อยู่ในตู้อบให้ เด็กมีน้ำหนัก 1 กก.กว่า

เธอจึงได้นำศพลูกชายกลับบ้าน แต่ลูกสาวก็อยู่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลส่งร่างหลานบรรจุในโลงศพส่งมาให้ แล้วกำชับว่าไม่ให้เปิดกลัวติดเชื้อ ญาติเอะใจจึงเปิดโลง กลับไปพบศพของหลาน มีเพียงแค่เสื้อผ้า เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็น

แล้วตอนลูกสาวของเธออีกคนก็หายไปด้วย เธอยืนยันเธอคลอดจริง ส่วนนมแม่ก็ยังอยู่ในตู้เย็นที่บ้าน จึงมั่นใจว่าไม่มีทางที่จะแต่งเรื่องขึ้นมาอย่างแน่นอน

แต่เหมือนเรื่องราวนี้จะส่อแววคดีพลิก เมื่อทางโรงพยาบาลออกมาโต้ แม่คนนี้ไม่มีประวัติการตั้งครรภ์ โดย แพทย์รายหนึ่งของโรงพยาบาลดังกล่าว ได้ออกมาระบุว่า

“รอทางการแพทย์แถลงก่อนไหมครับ ผลการตรวจการตั้งครรภ์ ที่ รพ. (ขอสงวนชื่อ) เป็นผลลบ และประวัติการมาทำคลอดที่ รพ.(ขอสงวนชื่อ) ไม่มีประวัติในโรงพยาบาล เลยแม้แต่ visit เดียว”

ล่าสุดวันนี้ 21 พ.ค.2564 โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี พร้อมทีมแพทย์พยาบาลได้ออกมาแถลงข่าว โดยนายแพทย์อนุพันธ์ หวลบุตตา รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวหากมีการย้ายคนไข้ หรือเปลี่ยนโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลต้นทาง คือโรงพยาบาลบางปลาม้า จะต้องมีเอกสารพร้อมส่งข้อมูลมายังโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช เพราะถือเป็นระบบมาตรฐานของโรงพยาบาลทั้งประเทศ ในเรื่องของข้อมูล การวินิจฉัย และมีการโทรประสานงานกันเพื่อนำคนไข้เข้ารักษาตัว ก่อนจะประสานแพทย์เพื่ออนุญาติเข้ารักษา แต่หากกรณีที่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ในกรณีนี้หากเป็นลูกแฝดฉุกเฉิน ก็จะต้องเป็นรถพยาบาลของโรงพยาบาลนำส่งเท่านั้น และจะมีการบันทึกในเวชระเบียนทุกครั้ง มีเอกสาร แต่กรณีนี้ไม่มีหลักฐานทางเวชระเบียน

จากการตรวจสอบทั้งหมดจากต้นทางในโรงพยาบาลบางปลาม้าพบว่าสาวคนดังกล่าวเข้ารักษาอาการตกขาวในวันที่ 11 พ.ค. มีอาการปวดท้องข้างซ้าย ตรวจปัสสาวะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวมีเชื้อโรค อุ้งเชิงกรานอักเสบ และตรวจปัสสาวะไม่พบการตั้งครรภ์ ได้ผลเป็นลบ สรุปได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอน

และที่สำคัญในช่วงเวลานั้นห้องคลอดของโรงพยาบาลบางปลาม้ามีการติดเชื้อโควิด-19 ห้องผ่าตัดคลอดจึงถูกปิด นอกจากนี้ยังมีอ้างด้วยว่ามีคนโทรศัพท์ว่าให้มารับศพลูก แต่จากการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวพบว่าเป็นเบอร์โทรจากองค์การโทรศัพท์

ไหงเป็นงี้ ตกลงเด็กไปไหน ใครเอาไป หรือเธอพูดไม่จริง ต้องรอติดตามกันต่อไป