ศาลปกครองสั่งคุ้มครอง พล.ต.อ.วิระชัย กลับสตช.หวนนั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ตร.

ศาลปกครอง มีคำสั่งคุ้มครอง บิ๊กต้อย พล.ต.อ.วิระชัย หลังถูกสำรองราชการ ให้กลับ สตช. นั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ตร. ตามเดิม

จากกรณีที่ พล.ต.อ. วิระชัย ทรงเมตตา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่ง สำรองราชการ หลังถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และถูกร้องทุกข์ดำเนินคดี หลังถูกกล่าวหา ดักฟัง เผยแพร่ข้อมูลการสนทนา ระหว่าง พล.ต.อ. วิระชัย รอง ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) กับ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) โดยเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่ต้นปี 63 จากกรณีที่ คนร้ายยิงรถ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ9) และต่อมา พล.ต.อ. วิระชัย ได้ยื่นฟ้องต่อ ศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งสำรองราชการ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

ล่าสุด (13 ก.ค. 64) ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคดี ระหว่าง พล.ต.อ.วิระชัย ผู้ฟ้องคดี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 63 ให้ พล.ต.อ. วิระชัย ผู้ฟ้องคดีสำรองราชการ นั้น

ต่อมาหลังจากที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ. วิระชัย สำรองราชการ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการคัดเลือกข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ และ รอง ผบ.ตร. เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เพื่อให้ความเห็นชอบดำรงตำแหน่ง ผบ.ต. ก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. ตามนัยมาตรา 51 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค. 63 และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ซึ่งได้มีการออกอากาศในรายการข่าวรายการหนึ่ง เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 63 ว่า เมื่อพล.ต.อ.วิระชัย ได้รับคำสั่งให้สำรองราชการ แล้ว พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะไม่สามารถเสนอชื่อ พล.ต.อ.วิระชัย ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ เพราะ พล.ต.อ.วิระชัย ถูกสำรองราชการอยู่

ดังนั้น จากเหตุผลที่ได้วินิจฉัยมาตามลำดับ จึงเห็นว่า พฤติการณ์ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องดังกล่าวข้างต้น จึงถือว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางการปกครองไม่เป็นกลาง โดยสภาพภายในตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ นี้ไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้ล่าช้าไปจะเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะหรือสิทธิของบุคคลโดยไม่มีทางแก้ไข

การสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นของ มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 63 จึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลทำให้ประกาศของนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 31 ส.ค. 63 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจ (พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ฟ้องคดี) พ้นจากตำแหน่ง น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย

กรณีนี้ จึงมีเหตุอันสมควรที่จะทุเลาการบังคับตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 63 ที่สั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ตามข้อ 72 วรรคสามแห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 จึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 63 ที่สั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย สำรองราชการ และประกาศของนายกรัฐมนตรี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 ส.ค. 63 ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ซึ่งผลของคำสั่งศาลปกครองกลางทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย กลับมาดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตามเดิมนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. 63 ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) ออกคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย เสมือนว่าไม่เคยมีคำสั่งสำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย มาก่อนแต่อย่างใด และเสมือนว่าไม่เคยมีประกาศสำนักนายกมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษามาก่อนแต่อย่างใด

รายงานระบุด้วยว่า ในพรุ่งนี้ (16 ก.ค. 64) พล.ต.อ.วิระชัย จะเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเวลา 08.30 น. และเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตามเดิม