นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มแรกและเข็มสองในสัดส่วนที่สูงตามเป้าหมาย แต่เข็มกระตุ้นยังฉีดได้เพียงประมาณ 30% ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด กระทรวงสาธารณสุขจึงให้ทุกจังหวัดเร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นในกลุ่มนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยตามนโยบาย “SAVE 608 by Booster Dose” โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากลูกหลานมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาไปเยี่ยมครอบครัวจำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกันในครัวเรือน จึงต้องสร้างความปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุด้วยการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุด ขณะที่ลูกหลานก็ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและทำตัวเองให้ปราศจากเชื้อ (Self Clean Up) ก่อนเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน
ทั้งนี้ แต่ละจังหวัดมีการวางแผนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนแล้ว โดย จ.มหาสารคาม ได้ใช้ 6 กลยุทธ์สำคัญทำให้ฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 ได้เพิ่มขึ้น คือ
1.มีระบบการจัดการรายชื่อรายบุคคล และการลงนามสามเส้า ระหว่าง ประชาชน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม. พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่ทุกหมู่บ้านจำนวน 1,934 หมู่บ้าน รวม 30 ชุมชน
2.มีการสรุปรายงานถึงนายอำเภอให้สั่งการหมู่บ้านและชุมชน ร่วมจัดเตรียมผู้มารับการฉีดในพื้นที่
3.มีระบบรายงานสรุปผลงานการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แบบรายหน่วย จำนวน 193 หน่วยฉีดในทุกวัน เรียงลำดับผลงานจากมาก-น้อย ทำให้ช่วยเร่งการดำเนินของแต่ละหน่วยเพิ่มขึ้น
4.จัดแคมเปญที่เหมาะสมทุกเดือนและสื่อสารอย่างทั่วถึง โดยช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ จะมีแคมเปญมหาสงกรานต์ มหาสารคาม 2565 รณรงค์ให้ลูกหลานและผู้สูงอายุฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อให้ลูกหลานกลับบ้านและผู้สูงอายุอยู่บ้านอย่างปลอดภัย เป็นต้น
5.มีระบบการเสริมพลังรายพื้นที่ที่มอบหมาย
6.ระบบรางวัลสร้างขวัญกำลังใจ ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และหน่วยฉีด
โดยนายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ได้นำเสนอแนวทางดำเนินงานดังกล่าวในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าเป็นแนวทางที่ได้ผลดี จังหวัดต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ เพื่อช่วยเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นของกลุ่ม 608 ให้ได้มากที่สุด