สาวน้อยสุดเจ็บปวด แม่หาย 4 ปี ทิ้งครอบครัว เข้าทางธรรม

เรื่องนี้มีเงื่อนงำ สาวน้อยสุดเจ็บปวด ร้องอีจัน ช่วยตามหาแม่ หายไป 4 ปี ทิ้งครอบครัว เข้าทางธรรม เเจ้งความ พึ่งไสยศาสตร์ ก็ไม่คืบสักอย่าง?

จากเสียงร้องขอของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคอมเมนต์เข้ามาในเพจอีจันว่า ช่วยตามหาเเม่เธอหน่อย เธอคิดถึงแม่ ใจจะขาด เเม่หายออกจากชีวิตเธอเเละครอบครัว นาน 4 ปี เเล้ว

จันเริ่มสอบถามขอข้อมูล คนหายรายนี้ ซึ่งมันเเปลก เเละทำให้จันคิดหลายๆอย่างขึ้นมาในหัว สาวน้อยเจ็บปวด บอกว่าแม่รักพวกเรามาก เเต่ทำ ไมทิ้งพวกเราไป

ก่อนหน้านี้ จันขึ้นประกาศหาเบาะเเสคนหาย ซึ่งเป็นแม่ของน้องอีฟ

แม่หนูชื่อ ธิติรัตน์ ธรรมกุล (หรือเเม่รัตน์)

อายุ 44 ปี เป็นคน จ.เลย

เจอครั้งสุดท้าย 4 ปีที่เเล้วที่สงขลา

น้องเล่าว่าแม่เป็นสายปฏิบัติธรรม แม่ชอบไปกับพระอาจารย์ ไปทำบุญ ปฏิบัติธรรมที่วัดต่างๆ แม่ก็เทียวไปบ้าง เทียวกลับบ้านบ้าง

ตอน ปี2560 แม่ได้คลอดน้องชาย 1 คน และได้พาไปอยู่ที่ด้วย เเต่เเม่เเปลกไปจากเดิม คือไม่ค่อยกลับบ้าน สร้างกระท่อมอยู่ในป่าในวัด จากนั้นพ่อจึงพาน้องมาอยู่ด้วย เเละครอบครัว ได้ไปเยี่ยมทุกเดือน

เเต่ล่าสุดพ่อกับแม่มีปัญหากันในครอบครัว ติดต่อเเม่ไม่ได้อีกเลย เธอในฐานะลูกสาวคนโต ทำทุกทางเเล้ว เพื่อให้ได้เบาะเเสเเม่ อยากเจอแม่

ไปหาคนรู้จัก ญาติธรรมที่เเม่เคยสนิท ทุกคนก็บอกว่าไม่เจอเเม่ ไม่ได้ติดต่อเเม่

น้องพยายามตามหาเเม่มา 4 ปีเเล้ว ถ้าเเม่รัตน์เห็นโพสต์นี้ ติดต่อหาทางบ้านเเละลูกๆด้วยนะคะ

ทุกคนรอเเละคิดถึงเเม่รัตน์สุดหัวใจ

ใครพบเห็นติดต่อ 065-123-8528 (น้องอีฟลูกสาว)

หลังจากประกาศตามหา ไม่มีเบาะเเสใดๆ ไม่มีใครติดต่อมาเลย จันพยายามติดต่อช่วยหาเบาะเเสทุกวิถีทาง เริ่มต้นถามน้องโดยละเอียดน้องจึงเริ่มเล่าว่า

ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของเธอมีความสุขมาก มีพ่อ แม่ น้องอีฟ เเละน้องชาย คนกลางที่เป็นดาวน์ซินโดม เเต่ทุกอย่างมาเริ่มเปลี่ยนเมื่อ เรื่องเกิดจาก

แม่รัตน์เจอคณะอาจารย์ เขาเรียกแทนตัวเองว่าอาจารย์มุก เขามาออกเดินทาง เขาเรียกว่าแสวงบุญ ก็ได้มาเจอแม่หนู ที่จังหวัดเลย คือบ้านของหนู พอเจอก็คุยกันถูกคอ และเวลาผ่านมาที่จังหวัดเลยแต่ละรอบก็จะมาพักที่บ้านหนู ครั้งละ 3-4 วัน แล้วก็เดินทางต่อ เขาพูดเสมอว่ามาเก็บวิญญาณไม่ดี มาปลดปล่อยวิญญาณ (ความเชื่อของทางคณะนั้น)

ทางคณะ เวลาเดินทางจะมี 8-10 คน หรือมากกว่านั้น เดินทางไปหลายๆจังหวัดที่มีลูกศิษย์ แต่เป็นการแสวงบุญที่หิวก็กิน ง่วงก็นอน ร้อนก็อาบน้ำ ไม่เชิงว่าเราต้องสวดมนต์ไหว้พระ หรือนั่งสมาธิ

หลังจากนั้น แม่ก็ได้เริ่มเดินทางแสวงบุญไปกับคณะอาจารย์ หนูเดินทางไปด้วยบางครั้ง บางครั้งก็นอนวัด บางครั้งก็นอนบ้านลูกศิษย์ของอาจารย์ อาหารที่กินก็ปกติเหมือนเราทั่วไป ไม่จำเป็นว่าต้องถือศีล อารมณ์เหมือนเดินทางเที่ยวไปแต่ละจังหวัด แค่เราเดินทางแสวงบุญก็ได้ทำความดีแล้ว ลูกศิษย์เขามีอยู่หลายจังหวัดรวมถึงต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อินโดนีเซีย

หลังจากนั้น ก็เริ่มชักชวนแม่ไปปฏิบัติธรรมที่สวน (เขาเรียกแทนที่อยู่หรือสถานที่ปฏิบัติธรรมนี้ว่าสวน)

แล้วแม่ก็ไป เทียวไปบ้าง กลับบ้านบ้าง ปกติ ในสวน จะเป็นกระท่อม เล็กๆเรียงกันหลายๆหลัง เป็นที่นอน ของคนที่ไปปฏิบัติ และแม่ห้องครัว และห้องน้ำ มองจากภายนอกรั้ว เป็นเหมือนบ้านคนปกติทั่วไป

แล้วเรื่องมาเริ่มแปลกตอน ปี2560 แม่ได้คลอดน้องชาย 1 คน และได้พาไปอยู่ที่นู้นด้วย พร้อมกับน้องชายคนกลางที่เป็นดาวน์ซินโดรม ส่วนพ่อกับหนู ได้ไปหาไปเยี่ยมทุกเดือน ไปแต่ละทีพ่อก็ถวายเงิน ทีละ 3-4 พัน ถึง 1 หมื่นบาท แล้วแต่รอบ ระยะเวลาที่อยู่ในสวน ไม่ต้องปฏิบัติอะไรเหมือนปฏิบัติธรรมเลย กินนอนปกติ อาจารย์และลูกศิษย์ชอบบอกเสมอว่าเนี่ย ปวดหลังให้อาจารย์จับหลัง คือหายเจ็บเลย หรือบางทีเจ็บปวดตัวเขาเรียกว่าเคี้ยวกรรม เขามักบอกเสมอว่า ที่ไปแสวงบุญเก็บวิญญาณไม่ดีข้างทาง มาไว้ในสวน ก็มาทำเป็นวิญญาณดี แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาทำพิธีหรืออะไรสักที เลยรู้สึกว่าแปลกแล้ว นี่ลัทธิอะไรกันแน่

แล้วหลังจากที่แม่และพาน้องที่พึ่งคลอดไป ก็อยู่ยาวเป็นปีก็ไม่กลับบ้าน พ่อก็เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นแนวชู้สาวรึเปล่า ลูกศิษย์ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง คนที่พักอาศัยอยู่ในส่วนจะมีประมาณ 8-10 คน สลับกันเข้าออก และอาจารย์คนนี้เขาก็มีลูกและภรรยาปกติ พอปี 2561 หนูก็เริ่มไปเข้ามหาลัยที่ที่สงขลา จังหวัดเดียวกับที่แม่ไปปฎิบัติธรรม ทำให้ต้องไปอยู่ที่นั่นทั้งครอบครัว ยกเว้นพ่อ และพ่อก็คอยไปหา พ่อคิดว่าเริ่มแปลก พ่อเลยพา น้องทั้งสอง กลับบ้าน แม่ก็ยังคงอยู่ที่นั่นต่อ และเริ่มติดต่อไม่ได้ (สวนอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ) และหนูเรียนอยู่ในตัวเมืองสงขลา หนูก็พักที่หอ พอเริ่มติดต่อไม่ได้ หนูก็คอยเทียวไปหาแม่ เขาค่อนข้างจะกีดกันไม่ให้เจอแม่ บางทีก็บอกแม่ไม่อยู่ ทั้งๆที่แม่อยู่ข้างในนั่น หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงเป็นแบบนี้ พอได้เข้าไป ไปนั่งคุยกัน จะมีอาจารย์นั่งคอยกำกับตลอด

ครั้งแรกที่เริ่มคุยว่าเกิดอะไรขึ้น หนูไปคนเดียว เขาก็คอยบอกว่าเนี่ยพ่อจะฆ่าแม่บ้าง พ่อตบตีแม่บ้าง โดยส่วนตัวแล้วพ่อไม่มีมูลอะไรที่เป็นคนแบบนั้นเลย หนูเลยเลือกที่จะฟังความสองฝ่าย หนูพูดเสมอว่าทำไมไม่ปล่อยให้ครอบครัวคุยกันต่อหน้ากันตรงๆ เขาก็บอกตลอดว่าหนูแค่เด็กคนหนึ่ง จะไปรู้อะไร ไปตั้งใจเรียนก็พอ นี่เรื่องของผู้ใหญ่ คือโดยส่วนตัวหนูอายุ 20 คือพอจะรู้เรื่องอะไรทุกอย่างแล้ว

อนไม่มีกลุ่มอาจารย์เข้ามา ครอบครัวหนูปกติดีมาก พอเขาเข้ามา เริ่มแตกแยก แล้วหลังจากที่คุยรอบแรกเสร็จ ก็ยังไม่เข้าใจกันถามตลอดว่าแม่จะกลับบ้านตอนไหน เขาพูดตลอดว่าถึงเวลาจะกลับเอง เลยตกลงกันว่า งั้นเราต้องติดต่อกันได้นะ หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ตามเคย

รอบ2 หนูกลับมาเยี่ยมบ้านที่จังหวัดเลย ตอนกลับสงขลา เลยพาน้องชายคนกลางไปด้วยเพื่อไปหาแม่ ซึ่งน้องเป็นดาวน์ซินโดม (โดยนิสัยส่วนตัวแม่เป็นคนรักลูกมาก ที่ใครมาด่าหรือทำอะไรลูกได้เลย ยิ่งกับน้องชายคนนี้) พอไปถึงสงขลา หนูก็หอบกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไป เขาก็ดูไม่ค่อยจะต้อนรับเท่าไหร่ เขาชอบจะเลิ่กลักเสมอ เวลาที่หนูถามว่าแม่อยู่มั้ย

บางคนบอกอยู่บางคนบอกไม่อยู่ แต่สุดท้ายก็คืออยู่ ก็ไม่ค่อย แม่ก็เริ่มมีปากเสียงว่า จะเอาน้องมากับทำไม พ่อส่งมาล่อหรอ ต้องการอะไร หนูเลยบอกว่า ทำไมแม่ติดต่อไม่ได้ ทำไมไม่คุยกัน ทำไมต้องหายเงียบ เขาก๋บอกมีเหตุผลของเขา ที่เป็นแบบนี้ เพราะพ่อหนูล้วนๆ หนูก็ยังยืนยันคำเดิม ทำไมไม่คุยกันต่อหน้า ให้หนูฟังเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ตัดบทไปแค่ว่าหนูแค่เด็ก และหนูเลยบอกว่า งั้นหนูกับน้องขอนอนที่นี่กับแม่นะ อาจารย์เลยบอกว่า ไม่ได้อนุญาตให้มานอน ไม่ใช่ใครจะมานอนก็ได้ คือหนูไม่ใช่คนอื่นไกลเลย หนูแค่ขอนอนกับแม่หนู หนูจะพาแม่กลับบ้าน อาจารย์ก็พูดนัยๆกับแม่ว่า จะกลับก็คิดดีๆ เหมือนแม่ไปรู้ความลับหรืออะไรของเขาอยู่ หนูก็ไม่รู้เขาเป่าหูแม่หนูยังไง ทำให้แม่หนูเกลียดครอบครัวขนาดนี้

หลังจากนั้นหนูเลยบอกว่าถ้าไม่ให้หนูนอน ก็ให้แม่หนูกลับบ้านกับหนู และอาจารย์มุกเลยบอก ถ้าจะรอก็ออกไปรอข้างนอก ไม่อนุญาตให้รอในนี่ หนูร้องไห้ทั้งน้ำตาออกมานั่งรอ ก็ไม่มีวี่แววที่แม่หนูจะออกมา หนูจึงต้องได้พาน้องกลับ

รอบที่3 หนูไปกับตา และป้า ก็ขับรถจากเลยไปที่สงขลา ไปคุยกันให้เข้าใจแบบมีผู้ใหญ่ และคำพูดก็ยังเหมือนเดิมเหมือนทุกรอบที่ผ่านมา เลยนัดว่างั้นไปคุยกัน ที่เลย แม่ก็ปฏิเสธ บอกไม่กล้าไปซึ่งมีอาจารย์กับลุงอีกคนหนึ่ง คอยกำกับทุกครั้งเวลาคุยกัน เลยบอกงั้น ไปคุยกันครึ่งทางคือระยอง เป็นบ้านของน้า ถ้าไม่สบายใจเราจะให้ตำรวจมาคุม และญาติทุกคนมาเป็นพยาน เขาก็ยืนยันจะไป และอาจารย์จะต้องไปด้วย เขาอ้างว่า ถ้าพ่อหนูเอาปืนยิงแม่ จะทำยังไง หนูเลยบอกว่าโอเค หนูขอรับลูกปืนนั้นแทน และตัดจบการคุยครั้งนี้ด้วยการที่บอกว่าขอให้ติดต่อได้ตลอดยนะ

เขาก็ยังยืนยันที่จะติดต่อได้ตลอด หนูกับตาก็ต้องเดินทางกลับ และพอถึงวันนัด เขาก็ไม่มาตามที่นัด และไม่มีใครติดต่อแม่ได้อีกเลย ติดต่อได้ครั้งสุดท้ายคือ 9 มีนาคม 2563 ทางเฟซบุ๊ก

รอบที่4 หนูเดินทางไปเอง ในวันที่ 13 สิงหาคม 2563 กับแฟนและพี่อีก1คน พอถึงสงขลา ไปถึงหน้าสวน เขาได้ล็อกประตูรั้วไว้อย่างดี หนูก็กดกริ่ง ก็มีคนออกมาบอกว่า แม่ไม่อยู่นี่ พอถามว่าแม่ไปไหน เขาก็บอกไม่รู้ ยืนยันคำเดียวว่าไม่รู้ ออกไปกับอาจารย์ตั้งนานแล้วแต่ไม่รู้ว่าไปไหน ไม่มีใครติดต่อได้ เหมือนเขาพยายามที่จะปิดบัง และเขาก็ไม่ยอมเปิดกุญแจ ในหนูเข้าไปดู หนูเลยขอเบอร์ติดต่อ เขาก็บอกไม่มี ไม่รู้ ยืนยันคำเดียว

หนูเลยต้องพึ่งพี่ตำรวจ และไปยื่นเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรม ไปแจ้งตำรวจเขาก็ในลงบันทึกประจำวันไว้ และเขาก็ส่งพี่ตำรวจไปกับหนูสองคน ไปตรงนั้นอีกรอบ ว่าเนี่ยขอเข้าไปดูได้มั้ย ว่าแม่หนูไม่อยู่ข้างในนั้นจริงๆ (คุยกันผ่านหน้ารั้ว ที่เขาล็อคไว้) ลูกศิษย์ที่อยู่ในนั้น ก็พยายามออกมาปกป้องว่าไม่อยู่ไม่รู้ ย้ำเสมอว่าไม่รู้ อยู่ในนั้นประมาณ 4-5 คน และเขาก็ไม่ยอมให้เข้าไป เราไม่ได้บุกรุกเราแค่ให้แน่ใจว่าแม่เราไม่อยู่จริงๆและขอเข้าไปกับพี่ตำรวจหนึ่งคน เขาก็ไม่ยอมให้เข้าไป

แถมบอกว่าต้องไปขอหมายค้นจากศาลมาถึงจะให้เข้า เราก็บอกเขาไปว่าเนี่ยเราไม่ได้มาค้น เราแค่ไปดูให้แน่ใจว่าไม่อยู่จริงๆ หลังจากคุยไปสักพัก เขาก็อะโอเค จะให้หนูเข้าไปแค่คนเดียว คนอื่นห้ามเข้า คือพี่ตำรวจก็ไม่ค่อยสบายใจที่หนูต้องเข้าไปคนเดียว มันดูไม่ชอบมาพากล เลยอะ ถ้าเข้าไปคนเดียว เกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง

เขาก็พูดแบบจะพานักข่าวมามั้ย จะได้แต่งตัวสวยๆรอ เดี๋ยวทาลิปรอนะ เดี๋ยวขอแต่งตัวสวยๆก่อน พูดเชิงประชดประชัน หัวเราะกันสนุกสนาน ซึ่งมันไม่ใช่การกระทำของคนที่เขาปฏิบัติธรรม ทำกันเลย หลังจากนั้นเขาก็โทรหาเจ้าของบ้านให้มาคือ ภรรยาของอาจารย์ และลูกสาวเขา 2 คน เขามาด้วยท่าทางโมโหใหญ่ แล้วโบ้ยว่าลงที่พ่อหนูหมด รุมพูดต่างๆนานาๆ เสียงดัง จนพี่ตำรวจต้องบอกว่า งั้นเรากลับก่อน มันเริ่มไม่ใช่แล้ว

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสืบกัน แต่เรื่องไม่ไปถึงไหนเลยค่ะ และตอนนี้ก็ยังติดต่อแม่ไม่ได้ อยากรู้ว่าแม่เป็นตายร้ายดียังไง เงินในบัญชีแม่ หมดทุกบาท ทุกบัญชี เพราะพ่อเอาสมุดบัญชีแม่ไปปรับสมุดดูความคืบหน้าตลอด ยอดเงินในบัญชีตอนแรกค่อยข้างเยอะ และโอนเข้าบัญชีอาจารย์คนดังกล่าวทั้งหมด

จากคนที่รักลูก รักครอบครัว เห็นลูกโดนไล่เหมือนหมูหมา แม่เธอนิ่งไม่ใยดี

สามีที่เคยรักเคยไว้ใจ เธแกลับกลัวต่อต้าน เเละบอกว่าสามีจะฆ่าเธอ

สาวน้อยหมดหนทาง เธอไปมาหมดทุกที่ ตำรวจ ศูนย์ดำรงค์ธรรม วัด หมอดู เเต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

เธอเสียงสั่นขอร้องอีจัน เป็นทางสุดท้ายที่จะช่วยเธอได้

นี่คือคำพูดของสาวน้อยสุดเจ็บปวด

“ถ้าแม่ยังอยู่ แม่กลับมานะ ติดต่อมาก็ได้ ไม่สงสารหนู ก็สงสารน้องที่เป็นดาวน์ซินโดรม กับน้องคนเล็ก ที่เพิ่งจะ 4 ขวบ หนูไม่รู้อะไรดลใจแม่ให้เปลี่ยนไป เเต่หนูอยากบอกเเม่ว่า หนูไม่เชื่อว่าแม่จะไม่รักพวกเรา เเละทิ้งพวกเรา หนูพยายามคิดว่าที่แม่เปลี่ยนไป เพราะสาเหตุอื่น ซึ่งไม่ใช่ใจแม่ที่เลือกทำแบบนี้ หนูรักเเม่นะ รักแม่มากๆ รอเเม่ทุกวัน ครอบครัวเราเคยมีเเต่ยิ้มมีเเต่ความสุข แม่จำได้มั้ยคะ เเม่ทิ้งพวกเราเเล้วเลือกคนอื่นจริงๆเหรอ หัวใจแม่ยังรักพวกเรามั้ย”

จันน้ำตาไหล ถ้าเเม่รัตน์ ได้เห็นข้อความนี้ เห็นน้ำตา เห็นความทุกข์ความเจ็บปวดของครอบครัว เเละลูกๆ ติดต่อกลับลูกๆนะคะ