สุดแสบ สาว 23 ตุ๋นตำรวจจนเปื่อย สร้างเรื่องโดนชิงเงิน 4 หมื่น

โอละพ่อ ! สาววัย 23 ตุ๋นตำรวจจนเปื่อย สร้างเรื่อง ถูกไอ้โม่งถีบสลบ ชิงเงิน 4 หมื่น จนไร้เงินใช้หนี้

ข่าวนี้ตั้งสติอ่านให้ดีนะคะ!

ช่วงเย็นวันที่ 9 พฤษภาคม 2565

สาววัย 23 ปี ชาว ต.สำโรงใหม่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความ ที่ สภ.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ ในสภาพสะบักสะบอม

เธอ ขอความช่วยเหลือจากตำรวจ เล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟังว่า

ก่อนหน้านี้ ขณะขับรถจักรยานยนต์ กลับจากทำธุระในตัวอำเภอนางรอง มาตามถนนสายนางรอง-ละหานทราย

พอถึงช่วงระหว่าง บ้านโคกสำราญ – คลองต้อ ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ

ก็มีรถจักรยานยนต์ คาดว่ายี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง เป็นชาย 2 คน ขับและซ้อนกันมา สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ขับรถประกบ และถีบเอวเธอ จนทำให้รถเสียหลักล้มไถลตกข้างทาง

หลังโดนถีบ เธอบอกว่า สลบไปเลย

รู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่ข้างทาง กระเป๋าสะพายสีขาวที่พกมาก็หายไปแล้ว

ซึ่งภายในกระเป๋า เธอบอกว่า บรรจุเงิน 40,000 บาทไว้ เป็นเงินที่เธอเพิ่งจะกู้มาเพื่อเอาไปใช้หนี้

ตำรวจรับแจ้งเหตุจากเธอ ก็ส่งทีมลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ สอบปากคำพยานแวดล้อม และไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง และเส้นทางใกล้เคียง ที่ผู้เสียหายให้การไว้

การสืบสวนสอบสวน ของตำรวจ ปรากฎว่า ไม่พบเหตุการณ์ตามที่ สาว 23 แจ้งไว้

กล้องวงจรปิด พบเพียงรถจักรยานยนต์ของผู้ประสบเหตุขับผ่านเท่านั้น

ไม่มีรถจักรยานยนต์คันอื่นขับตามเธอตลอดทาง

เมื่อหลักฐานออกมาเช่นนี้

ตำรวจจึงเรียก สาววัย 23 มาสอบปากคำเพิ่มเติม

ยิ่งสอบ พิรุธยิ่งออก จนความจริงระเบิดออกจากปากสาว 23

“เรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องโกหก”

กล้องวงจรปิดจับภาพผู้ร้ายไม่ได้ เพราะไม่มีผู้ร้าย

ไม่มีใครชิงเงิน 4 หมื่นไปจากเธอไป

ตั้งใจสร้างเรื่องโกหก เพราะหาเงินไปใช้หนี้ไม่ทัน

13 พ.ค. 65 อนาคตดับเพราะคำโกหก

สาววัย 23 โดนแจ้ง 3 ข้อหา

1. แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานอันอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

2. แจ้งความเท็จอันเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

3. ทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวน หรือ พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา เชื่อว่าได้มีความผิดอาญาอย่างใดเกิดขึ้น หรือเชื่อว่าความผิดที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าที่เป็นจริง

เมื่อเธอรับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจก็นำตัวส่งฝากขังศาลจังหวัดนางรองทันที

เหตุการณ์นี้ ชาวบ้านโคกสำราญต่างพากันเสียความรู้สึก

ทีมอีจัน ได้คุยกับ ชาวบ้านคนหนึ่ง บอกกับเราว่า

“พอได้รู้ความจริง ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องโอละพ่อ รู้สึกรับไม่ได้เพราะเสียชื่อหมู่บ้านและทำให้คนในหมู่บ้าน และผู้ที่สัญจรไปมาหวาดกลัว ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในหมู่บ้านเลลย

และยังทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเสียเวลา เพราะต้องลงพื้นที่ไปหาข้อมูลเบาะแส ไล่กล้องวงจรปิดเพื่อเป็นหลักฐานติดตามตัวคนร้าย แต่สุดท้ายกลับเป็นเรื่องโกหก”

เหตุการณ์นี้ น่าจะสร้างบทเรียนชีวิตบทใหญ่ให้สาววัย 23 ได้เป็นอย่างดี

คลิปแนะนำอีจัน
หมอปลา ยอมรับส่งทนาย-นักข่าว ปลอมตัวไปหา หลวงปู่แสง