8 มิ.ย. 65 ที่ ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี มีรายงานว่า หนุ่มวัย 34 ปี ถูกหลอกไปทำงาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เข้าขอความช่วยเหลือ กับ ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ ให้ช่วยเพื่อน 2 คน พร้อมคนไทยอีกกว่า 60 คน ที่ถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บังคับให้ทำงานที่กัมพูชา
นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี เหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงาน คอลเซ็นเตอร์ ที่ประเทศกัมพูชา และเพิ่งจ่ายเงินค่าไถ่ตัวเองกลับมาประเทศไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีคนชักชวนให้ไปทำงานบ่อนคาสิโนที่กัมพูชา อ้างว่ามีรายได้ดี ตนจึงหลงเชื่อ
เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ก็ตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ขอให้ทางมูลนิธิช่วยเพื่อนของตนทั้ง 2 คนด้วย นอกจากนี้ยังมีคนไทยที่อยากกลับบ้านอีกกว่า 60 คน ที่ไม่เต็มใจทำงาน
“ผมไม่คิดว่าจะถูกหลอกเพราะเขาดูแลตั้งแต่ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่าย ทุกอย่าง จนเดินทางไปถึงที่ทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน พอไปถึงถึงจะรู้ว่าโดนหลอก จะกลับก็กลับไม่ได้ จากนั้นชาวจีนก็จะให้พวกผมทำการเทรนด์ ว่าต้องพูด หรือ กดดันยังไง ให้เหยื่อหลงเชื่อ ซึ่งก็จะแบ่งเป็น 3 สาย สาย 1 ติดต่อ สายที่ 2 และสายที่ 3 เป็นตัวเร่ง กดดัน ให้เหยื่อรีบโอนเงิน งานเริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น พอทุ่มหนึ่งก็จะมีการประชุม สรุปยอด ว่าแต่ละวันหลอกมาได้เท่าไหร่ ซึ่งในแต่ละวันหลอกเงินคนมาก็ไม่ต่ำกว่าหลักแสน”
เมื่อถามว่า การที่ต้องโทรมาหลอกคนไทยด้วยกันเอง รู้สึกยังไงบ้าง นายเอ ตอบว่า ตนก็รู้สึกเสียใจ ตนโทรไปแค่สายเดียว ก็ตัดสินใจหาทางออกที่กลับออกมา เพราะรู้สึกไม่ดี ที่ต้องมาหลอกคนไทยด้วยกันเอง ตนยืนยันว่า 90% โดนหลอกไปทำงานทั้งนั้น
ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า ตอนนี้เป็นที่ทราบทั่วกันว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระบาดไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือต่างประเทศ ทุกคนต้องระวังตัวเอง อย่าหลงเชื่อว่าไปทำงานแล้วได้เงินเยอะ อาจจะไปถูกทำร้าย บังคับกักขัง ไม่ให้กินข้าว เหมือนตกนรกทั้งเป็น เงินก็ไม่ได้ต้องเป็นหนี้เป็นสิน หากจะกลับก็ถูกเรียกค่าไถ่ร่วมแสน และยังถูกขายต่อๆ ไป
ซึ่งตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่สามารถช่วยได้เสมอไป และการประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เมื่อคนที่กลับมาแล้วต้องให้ข้อมูล ให้รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และการช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากต้องการที่จะไปทำงานต่างประเทศให้สอบถามกระทรวงแรงงานก่อนเพราะจะมีข้อมูลที่ชัดเจน
