หนุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยินดีสละโรงแรมเป็น hospitel

“ถ้าช่วยชีวิตคนได้ก็ไม่เห็นเป็นไร” โจ หนุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยินดีสละโรงแรมเป็น hospitel

“ โรงแรมพี่เคยรับแต่ต่างชาติ 95 % ถ้าโควิดยังไม่จบ ก็ยังเปิดไม่ได้ ถ้ายังเที่ยวไม่ได้ ปิดร้างๆแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าช่วยชีวิตคนได้ก็ไม่เห็นเป็นไร พี่ไม่กลัวโรค ยินดีให้เขามากักตัวกัน เพราะถ้าทุกอย่างจบ เชื่อว่าหน่วยงานเขาก็ต้องทำความสะอาดฆ่าเชื้อให้ก่อนส่งคืนพี่อยู่แล้ว ” พี่โจ บอกกับจันค่ะ

หลายคนอาจสงสัย “พี่โจ” คือใคร แนะนำคร่าวๆสั้นๆนะคะ พี่โจ เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีธุรกิจโรงแรมอยู่หลายแห่ง โควิดตั้งแต่รอบแรกช่วงปี 2563 ก็ทำเอาธุรกิจโรงแรมซบเซาไปมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมขนาดเล็กหรือโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีโรงแรมของพี่โจอยู่ด้วย กระทั่งข้ามมาปี 2564 สถานการณ์โควิดในบ้านเราที่ตอนแรกดูเหมือนจะคลี่คลาย แต่แล้วก็กลับมาระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง ก็คือระลอกเดือนเมษายน 64 ทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกวัน จนโรงพยาบาลหลายแห่งมีเตียงไม่เพียงพอต่อผู้ป่วย ถึงแม้รัฐจะจัดสรรทำ รพ.สนาม เพิ่มขึ้นหลายที่แล้วก็ตาม ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยโควิดเท่าที่ควร

จนเมื่อวานนี้(29 เม.ย. 64 ) พี่โจ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตัวเอง ว่ามีความประสงค์จะสละโรงแรมของตัวเอง ที่ปิดมานานถึง 13 เดือนแล้ว! ให้เป็น รพ.สนาม หรือ hospitel สำหรับรองรับผู้ติดเชื้อโควิดที่ต้องรักษาเร่งด่วน พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ให้หน่วยงานติดต่อมาหาจนเองได้เลย ไม่คิดค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ขอแค่ได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยโควิดให้ได้มากที่สุด

จันเลยถามพี่โจไป ถึงจุดเริ่มต้นของการมาโพสต์สละโรงแรมนี้ มาจากอะไร?

พี่โจ เล่าว่า ตัวเองมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมากๆ คุยกันตลอดอยู่กลุ่มหนึ่ง รวมพี่โจด้วยก็เป็น 5 คน แต่ที่ผ่านมา เพื่อนๆของพี่โจทั้ง 4 คน ติดโควิดกันหมด และเพื่อนๆก็ได้ไปกักตัวใน รพ.สนาม ทุกครั้งที่ได้วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนก็จะได้เห็นบรรยากาศที่ รพ.สนาม ว่าเป็นยังไง และทุกวันนี้ที่ผู้ป่วยมีมากขึ้นทำให้เตียงไม่พอรักษา พี่โจเลยฉุกคิดขึ้นมาว่าโรงแรมของตัวเองที่ปิดร้างมากนานเป็นปี น่าจะสามารถช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อย ถ้าจะเอามาช่วยชีวิตคนได้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร จึงโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊กนั่นเองค่ะ

ส่วนโรงแรมของพี่โจ เป็นโรงแรมสไตล์บูทีคเล็กๆ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ มีห้องพักแขกอยู่ 24 ห้อง และมีห้องพนักงานอีก 6 ห้อง ซึ่งถ้านำมาปรับเป็น รพ.สนาม หรือ hospitel ก็จะได้ทั้งหมด 30 ห้องค่ะ พี่โจฝากผ่านจันมานะคะ ว่าถ้าหน่วยงานไหน ทั้งภาครัฐหรือเอกชน สนใจที่จะใช้โรงแรมของพี่โจจัดตั้งเป็น รพ.สนาม หรือ hospitel สามารถติดต่อหาพี่โจได้เลยค่ะ หรือจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูและประเมินสถานที่ก่อนก็ได้ ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร หรือหากเจ้าหน้าที่ได้เห็นเรื่องราวนี้ ติดต่อผ่านจันก็ได้ค่ะ จะได้ประสานและให้การติดต่อกับพี่โจไปนะคะ ไม่สามารถให้เบอร์โทรทางนี้ได้ค่ะ เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนตัว

สุดท้าย จันขอชื่นชมพี่โจจากใจค่ะ ที่มีน้ำใจและร่วมด้วยช่วยกันในสถานการณ์วิกฤติโควิดตอนนี้ ขอให้พี่โจและครอบครัวสุขภาพแข็งแรงนะคะ และขอให้ทุกคนปลอดภัย ดูแลตัวเองกันดีๆนะคะ ^ ^