หัวใจของพ่อแทบสลาย เมื่อรู้ว่า…คนรู้จักในหมู่บ้าน 12 คน รุมโทรมลูกสาว

เลี้ยงลูกมานาน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องสะเทือนหัวใจ ลูกสาวถูกคนในหมู่บ้าน 12 คน รุมโทรม ย่ำยี หนึ่งในนั้นเป็น สมาชิกสภาเทศบาล ในพื้นที่

“เงิน 400,000 บาท แลกชีวิตของลูกผมไม่ได้

ผมเลี้ยงลูกมา 10 กว่าปี คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้”

คุณพ่อในวัย 63 ปี สายตาแดงกล่ำ น้ำตาคลอ ถ่ายทอดออกมาผ่านน้ำเสียง แววตา ที่ทั้งสงสารและโกรธคนที่ทำลูก พ่อเล่าให้เราฟังว่า ลูกสาวตนองวัย 18 ปี ถูกคนรู้จักที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ที่ จ.ลพบุรี รุมโทรมถึง 12 คน และ 2 ครั้ง ซึ่งเรื่องราวนี้พ่อไม่ได้ยินจากปากของลูกสาวเอง แต่ได้ยินมาจากน้องสาวตนเอง ที่ได้ยินมาจากคนในหมู่บ้านอีกทีหนึ่ง เขาเล่ามาว่า ลูกสาวถูกรุมโทรม ผู้เป็นพ่อเมื่อได้ฟังเรื่องราวสุดสะเทือนใจนี้แล้ว เข่าแทบทรุด… ลูกสาวที่เลี้ยงมาคนเดียว 10 กว่าปี หลังจากที่เลิกรากับภรรยาไป ถูกกระทำจนบอบช้ำ บอบช้ำทั้งร่างกายและหัวใจ

: ลูกสาวได้บอกพ่อไหมคะ

: ลูกสาวไม่บอก เขาอาย ผมไม่ได้อยู่กับเขาทั้งวัน ต้องออกไปขายลูกชิ้น ออกเช้า เย็นกลับ เลยไม่ค่อยได้คุยกัน

เมื่อพ่อได้ฟังเรื่องราวนี้แล้ว ก็ได้ถามลูก ลูกก็บอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง!

ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 63 จากชายฉกรรจ์ 4 คน

ครั้งที่สอง เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 63 จากชายฉกรรจ์กลุ่มเดียวกัน 9 คน ( 1 คนกลับมาซ้ำอีกรอบ)

รวมแล้วถูกรุมโทรมจากกลุ่มชายฉกรรจ์ 12 คน โดย 1 ใน 12 คนนั้น เป็น อดีต ส.ท. หรือ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลในพื้นที่ และ 12 คนนี้ เป็นคนในหมู่บ้านที่รู้จักมักคุ้นกัน แทบจะสนิทกันอยู่แล้ว

29 พฤศจิกายน 63 พ่อตัดสินใจพาลูกสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนที่กระทำย่ำยีลูกสาว แต่ต่อมา ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา 11 คน มีเพียง ส.ท.คนดังกล่าวไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคนเดียว พ่อจึงเกิดความกลัวว่าเรื่องราวนี้จะเงียบและอันตรายต่อครอบครัวและลูกสาว เพราะผู้ก่อเหตุเป็นถึง ส.ท.ในพื้นที่ นี่จึงเป็นที่มาทำให้พ่อต้องมาร้องกับทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม

ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน ถูกเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา และส่งไปฝากขัง แต่ได้รับการประกันตัวทั้งหมด

เมื่อถามว่า ทำไมตำรวจถึงไม่แจ้งข้อกล่าวหา บุคคลที่เป็น ส.ท.

ตำรวจบอกกับพ่อว่า เนื่องจากลูกสาวไม่เห็นหน้า ได้ยินแต่เสียง จึงเกิดความไม่มั่นใจ หลักฐานจึงไม่เพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหา และบอกให้พ่อกับลูกสาว กลับบ้านไปคิดดูให้ดีๆก่อน แต่ลูกสาวมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าเป็นชายคนนี้แน่ๆที่กระทำเธอ แต่สุดท้ายตำรวจก็ไม่แจ้งข้อกล่าวหาอยู่ดี

เมื่อเรื่องบานปลายถึงตำรวจ พ่อเล่าต่ออีกว่า มีแม่ของกลุ่มชายกลุ่มนั้น มาหที่บ้าน เสนอจ่าย 400,000 บาท จบคดี ให้เลิกแล้วต่อกัน ถอนแจ้งความ และบอกอีกว่า หากจบคดีนี้จะยอมมาอยู่ด้วย ซึ่งพ่อบอกว่า เป็นเรื่องที่รับไม่ได้เลย ทำไมมาเสนอเงื่อนไขแบบนี้

“พ่อไม่ยอมหรอก มันไม่คุมที่ลูกสูญเสียไป มันแลกกับอิสรภาพของลูกกับเงินแค่นี้มันเทียบไม่ได้ พ่อเลี้ยงลูกมา 10 กว่าปี จะแลกกับเงินแค่ 400,000 ไม่ได้หรอก”

พ่อไม่ยอม ลูกไม่ยอม

ได้แต่นั่งคิด นอนคิดหนัก จะแก้ปัญหาและหาทางออกเรื่องนี้อย่างไรดี เพราะคนที่ทำเป็นถึง ส.ท.ในพื้นที่ และผู้ต้องหาที่เหลือประกันตัวมาสู้คดีหมด แต่แล้วก็เจอแสงสว่างเมื่อทนายรณณรงค์พามา ร้องที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ รับเรื่องเเล้ว เผยว่า จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลก่อน เเล้วจะประสานไปยังตำรวจ จ.ลพบุรี จ้องให้โอกาสตำรวจในพื้นที่ทำคดีก่อน ถ้ามีปัญหาติดขัดอย่างไร ในเรื่องอิทธิพล กองปราบปรามการค้ามนุษย์จะลงไปช่วยเหลือ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกพ่ออีกว่า ไม่ต้องกลัว!

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นี้ พ่อบอกว่าชีวิตตนเองเปลี่ยนไปมาก เหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม ต้องดูแลลูกอย่างใกล้ชิด งานก็ต้องทำทุกวัน ต้องคอยโทรเช็คลูกเสมอ กลัวว่าลูกจะคิดสั้นและซึมเศร้า

สิ่งที่ต้องการที่สุดตอนนี้ คือ อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับคนกลุ่มนั้นให้ถึงที่สุด จะได้ไปรับเวรกรรม อีกอย่างพ่อถือว่าได้ช่วยเหลือคนในหมู่บ้านให้รอดพ้นจากคนกลุ่มนี้ด้วย จะได้ไม่ต้องไปทำแบบนี้กับใครอีก

“มันทำอะไรก็ขอให้มันรับเวรรับกรรมไป”