หากถูกฟ้องคดี เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ แล้วไม่คืน เบี้ยผู้สูงอายุ จะติดคุกไหม ?

โฆษกศาลยุติธรรม คลายทุกข้อสงสัย หากถูกฟ้องคดี เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ แล้วไม่คืน เบี้ยผู้สูงอายุ จะติดคุกหรือไม่ ?

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบ และ เรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานของทางราชการในหลายพื้นที่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม อธิบายถึงขั้นตอนทางกฎหมายกรณีนี้ว่า

บิ๊กตู่ รับปาก จะดูแลเรื่อง เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ ยันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังลูกสาวร้องสื่อทั้งน้ำตา แม่วัยชราถูกทวงคืนเงิน เบี้ยผู้สูงอายุ

การฟ้องคดีลักษณะตามที่เป็นข่าวนั้น เป็นการฟ้องคดีทางแพ่ง ซึ่งเป็นการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างคู่ความ 2 ฝ่าย โดยลักษณะของคดีแพ่งทั่วไป เมื่อคู่ความยื่นฟ้องเพราะถูกโต้แย้งสิทธิหรือต้องการจะใช้สิทธิทางศาลตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การฟ้องขับไล่ การฟ้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินคืน การฟ้องให้รับผิดตามสัญญา เป็นต้น เพื่อให้ศาลบังคับให้ ซึ่งการฟ้องคดีแพ่งนี้ การบังคับคดีจะเป็นเรื่องการบังคับเอาที่ตัวทรัพย์สินหรือให้ฝ่ายจำเลยกระทำการหรืองดเว้นกระทำการอะไรบางอย่าง โดยไม่มีโทษจำคุกซึ่งจะแตกต่างจากการฟ้องคดีอาญาที่จะเป็นการฟ้องเพื่อให้จำเลยที่กระทำผิดกฎหมายได้รับโทษทางอาญาเช่น จำคุก เป็นต้น

นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม
“กรณีที่เกิดขึ้นในการฟ้องคดีกับ ผู้สูงอายุ เรื่องเบี้ยยังชีพ จึงเป็นการฟ้องคดีที่ไม่มีผลทางกฎหมายเป็นโทษจำคุกที่จะนำมาใช้กับลูกหนี้ได้ เพราะไม่ใช่การฟ้องคดีอาญา แต่เป็นการฟ้องคดีทางแพ่งที่มีวัตถุประสงค์ในการฟ้องเพื่อ เรียกคืนเงินจากผู้สูงอายุ ที่เรียกว่าลูกหนี้ที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับเงินไปโดยผิดหลักเกณฑ์”

ส่วนประเด็นที่ครอบครัวผู้สูงอายุเกิดความกังวลว่า หนี้สินที่เกิดเป็นคดีฟ้องกันนั้น จะกลายเป็นหนี้มรดกตกแก่ทายาทที่จะต้องรับชดใช้เงินคืนแทนหรือไม่นั้น ตามกฎหมายแล้วแม้ศาลตัดสินให้ต้องรับผิดคืนเงินหากลูกหนี้ถึงแก่ความตาย หนี้นั้นจะตกทอดเป็นมรดกแก่ทายาท แต่ทายาทนั้นไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน หมายความว่ามรดกมีเท่าไหร่ก็บังคับชำระหนี้ตามกฎหมายได้เท่านั้น ไม่อาจนำทรัพย์สินส่วนตัวของทายาทมาชดใช้หนี้ได้ หากทายาทนั้นไม่ได้เป็นลูกหนี้ร่วมด้วย

และถ้าหากได้รับจดหมายให้คืนเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ก็สามารถติดต่อที่ศาลในพื้นที่ขอใช้บริการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ทางการฟ้องร้องเข้ามาก่อน ซึ่งหากศาลสอบถามแล้วคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งประสงค์จะไกล่เกลี่ย ศาลก็จะดำเนินการนัดทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันด้วยความสมัครใจและถ้าตกลงกันได้ข้อพิพาทก็จะยุติ

แต่หากมีการฟ้องร้องกันเข้ามาแล้ว ก็ยังมีการไกล่เกลี่ยหลังฟ้องอีกระบบหนึ่ง ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายสามารถแสดงความประสงค์ที่จะขอให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ด้วยความสมัครใจเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถใช้ระบบการไกล่เกลี่ยออนไลน์ เช่น ไกล่เกลี่ยผ่าน โทรศัพท์ วีดิโอคอล หรือระบบไลน์ ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ การใช้สิทธิทางศาลในคดีแพ่งเป็นเรื่องของคู่ความว่าประสงค์จะนำคดีมาสู่ศาลหรือไม่ หากมีการฟ้องเป็นคดีแล้ว ศาลยุติธรรมจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คู่ความทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ ไม่ว่าคู่พิพาทหรือคู่ความนั้นจะเป็นใคร อีกทั้งหากคู่ความมีข้อสงสัยในขั้นตอนการปฏิบัติสามารถติดต่อสอบถามจากนิติกรประจำศาลในพื้นที่นั้น ๆ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

และคู่ความยังสามารถแสดงความประสงค์เพื่อขอไกล่เกลี่ยได้โดยอาจยังไม่จำเป็นต้องแต่งทนายความเข้าสู้คดีกันในศาล ซึ่งแต่ละศาลจะมีคณะผู้ไกล่เกลี่ยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ดำเนินการไกล่เกลี่ยจนข้อพิพาทสามารถระงับลงได้ด้วยความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย