อช.แก่งกระจาน จับชายลอบล่า เก้ง สัตว์ป่าคุ้มครอง

คาหนังคาเขา! อช.แก่งกระจาน จับชายลักลอบล่า เก้ง สัตว์ป่าคุ้มครอง กำลังชำแหละซากใต้ต้นไม้ แจ้ง 9 ข้อหาหนัก

(21 มี.ค.65) เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานออกลาดตระเวนป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะออกตรวจลาดตระเวนไปถึงพื้นที่ป่าซอยทุ่งกระทิง บ้านโป่งสำโหรง ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นร่องรอยหยดเลือดหยดตามทาง จึงได้ร่วมกันสะกดรอยตามเส้นทางของหยดเลือดนั้น จนกระทั่งมาถึงบริเวณพิกัด 47P 565600 1378646 ปรากฏว่า พบชายคนหนึ่ง กำลังชำแหละซากสัตว์ป่าอยู่ใต้ต้นไม้

เจ้าหน้าที่ได้ทำการแอบซุ่มดูอยู่พักหนึ่ง พบพฤติกรรมของชายคนนั้น

เขาได้ใช้เชือกรัดคอซากสัตว์ป่าแขวนไว้กับกิ่งต้นไม้ แล้วใช้อาวุธมีดแล่หนังออก เมื่อชำแหละหนังออกเสร็จแล้ว ได้แขวนหนังของซากสัตว์ป่าไว้ที่ใต้ต้นไม้ ต่อมาชายคนดังกล่าวสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้รีบวิ่งนำซากสัตว์ป่าไปทิ้งเพื่ออำพรางความผิด

เจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุมตัวชายคนดังกล่าว นำโดย นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายกษิดิศ จั่นประดับ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

โดยจับได้ที่ บ้านพักของชายคนดังกล่าว

คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันดำเนินการดังนี้

1. ดำเนินการตรวจสอบซากสัตว์ป่าดังกล่าว ว่าเป็นสัตว์ป่าชนิดใด ผลจากการตรวจสอบปรากฏพบว่าเป็นซากอีเก้ง หรือเก้ง หรือ ฟาน (Muntiacus muntjak) ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 198 ร่องรอยของซากสัตว์ มีรอยกระสุนปืนทะลุบริเวณต้นขาหลังด้านซ้ายเข้าสู่ด้านในจนทำให้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวไว้ สอบถามชายคนดังกล่าว ทราบชื่อคือนายนิคม อายุ 48 ปี ชาว ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

2. ดำเนินตรวจค้นบริเวณโดยรอบของสถานที่เกิดเหตุ ผลจากการตรวจค้นบริเวณโดยรอบโดยละเอียด พบ ปืนลูกซองเดี่ยว ยาว เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก ไม่ปรากฏเลขทะเบียน (ไม่ทราบยี่ห้อ) ,กระสุนลูกซองเบอร์ 12 บรรจุในรังเพลิง จำนวน 1 นัด ,กระเป๋าเป้ จำนวน 1 ใบ ข้างในบรรจุกระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 6 ลูก , ปลอกกระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2 ลูก , ตะกั่ว 1 แท่ง , ลูกตะกั่วหัวจีบ 34 ลูก

3. เจ้าหน้าที่ได้สอบถามนายนิคม ว่าอาวุธปืน พร้อมด้วยเครื่องกระสุน ทั้งหมดเป็นของใคร ?

นายนิคม ตอบกลับมาว่า อาวุธปืน พร้อมด้วยเครื่องกระสุน ทั้งหมดเป็นของตนเอง ซึ่งตนเป็นผู้นำมาทิ้งไว้เพราะกลัวความผิด

4. เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม นายนิคม ว่า ซากเก้งที่ชำแหละนั้น ได้มาอย่างไร ?

นายนิคม รับสารภาพ ว่าได้นำอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเพื่อทำการล่าสัตว์ป่า ซึ่งจุดที่ยิงเก้งตัวนี้อยู่ห่างจากบ้านของตนขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งนั่นหมายถึงเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากนั้นเมื่อยิงเก้งจนตายตนจึงได้นำมาชำแหละบริเวณบ้าน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ จับกุมในที่สุด

เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว การกระทำของนายนิคม เป็นการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ดังนี้

1. ฐาน “ล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (3) และมาตรา 43

2. ฐาน “เข้าไปดำเนินกิจการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (6) และมาตรา 44

3. ฐาน “นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆเข้าไปภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (7) และมาตรา 45

4. ฐาน “ยิงปืน ทำให้ระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (8) และมาตรา 44

5. ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใด ล่า หรือพยายามล่า สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 12 และมาตรา 89

6. ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครอบครองซึ่ง สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 17 และมาตรา 92

7. ผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ ผู้นั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 87 มาตรา 88

8. ในการดำเนินคดีอาญาแก่ผู้ฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญา ให้เรียกค่าเสียหายตามมาตรา 87 หรือ มาตรา 88 ไปในคราวเดียวกัน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 107

9. ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่”ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายนิคม พร้อมของกลาง ไปแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองพลับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

คลิปแนะนำอีจัน
เสียงสะท้อนปัญหา ของ… ชาวบ้านชุมชนสายไหม