อ่านแล้วจุก… ลูกช้างกำพร้า โดดเดี่ยว ในป่าแก่งกระจาน 2 ปีต่อมา ถูกรุมยิงฆ่าอย่างทารุณ

ลูกช้างกำพร้า อยู่โดดเดี่ยวตัวเดียวในป่าแก่งกระจาน ถัดมาอีก 2 ปี ก็ถึงคราวที่ตัวเองถูกฆ่าอย่างทารุณ

เรื่องสลด….ในป่าแก่งกระจาน สัตว์ป่าสังเวยชีวิตด้วยน้ำมือของมนุษย์ พี่ มนูญ ทองทิพย์ ผู้ก่อตั้งชมรมแรงเจอร์ ผู้พิทักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ป่า เขียนเรื่องราวสะท้อนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี… เหตุเกิดที่ ห้วยคมกฤต ป่าแก่งกระจาน แม่โดนฆ่าเป็นลูกช้างกำพร้าอยู่โดดเดี่ยวตัวเดียว พยายามหาเพื่อนเล่น ต้องเล่นกับฝูงกระทิงแต่ก็ไม่มีใครเล่นด้วย

ถัดมาอีก 2 ปี ก็ถึงคราวที่ตัวเองถูกฆ่าอย่างทารุณ ด้วยการถูกระดมยิงด้วยปืนนานาชนิด เกือบ 70 นัด ฝีมือกลุ่มชาติพันธุ์?

เรื่องมันเกิดขึ้นหลายวันแล้วตั้งใจจะไม่โพสต์ ได้แต่ทำใจ แต่วันนี้เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าว ก็เลยตัดสินใจโพสต์ อย่างน้อยเป็นการระบายสิ่งที่มันอยู่ในใจเราออกไปได้บ้าง

รู้สึกโศกเศร้าเพราะพื้นที่นี้ผมมีส่วนบริจาคงบประมาณในการแปรสภาพ จากพื้นที่ป่าล่ม เนื่องจากเถาวัลย์ปกคลุมต้นไม้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการให้สัมปทานป่าไม้ ทำให้เป็นพื้นที่ป่าที่ไม่มีประโยชน์กับสัตว์ จนกระทั่งมีโครงการอาหารช้างตามพระราชดำริ จึงได้มีการฟื้นฟูพื้นที่บริเวณนี้ ให้กลับมาเป็นทุ่งหญ้าให้เป็นพืชอาหารสัตว์ในยุคที่ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นหัวหน้าอุทยาน เรียกชื่อว่า “หน่วยคมกฤต”

ลูกช้างตัวน้อย แม่โดนล่า โดนยิงตาย ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยววิ่งเล่นอยู่กับฝูงกระทิง เพราะไม่มีโขลง ไม่มีเพื่อนช้าง วิดีโอนี้ ถ่ายไว้เมื่อปี 62 ผ่านมาถึงปี 64 ลูกช้างกำพร้าที่น่าสงสารถูกพบเป็นซากเหลือแต่โครงกระดูกอยู่ในห้วยตะนะ (ห้วยคมกฤต)

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ถูกระดมยิงด้วยอาวุธสารพัดชนิด ทั้งปืนอาก้า ปืนคาร์บิน ปืนลูกซอง และลูกโดด รวมแล้วโดนรุมยิงถึงเกือบ70 นัด จนสิ้นใจตายในลำห้วย ด้วยฝีมือของกลุ่มพรานชาติพันธุ์ แล้วโดนตัดอวัยวะต่างๆ ส่งขาย พวกมันล่าทุกวัน ล่าเป็นอาชีพไม่ทำอย่างอื่นล่าสัตว์ทุกชนิดที่เจอ

หมดเวรหมดกรรมแล้ว พ่อแม่โดนยิงตาย ไม่มีเพื่อนไม่มีโขลง ต้องวิ่งเล่นอยู่กับกระทิงในป่าคมกฤต

2 ปีถัดมาตัวเองก็ถูกยิงตาย อย่ากลับมาเกิดบนโลกใบนี้อีกเลยนะ โลกใบนี้มันโหดเหี้ยมเกินไป

กระบวนการล่าสัตว์ การค้าสัตว์ มีเยอะแยะมากมายหลายกลุ่ม ผู้ล่าล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นคนฝั่งเมียนมาข้ามมาสวมบัตรศูนย์เป็นคนไทย และเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในพื้นที่ดั้งเดิมที่รัฐบาลเอาอกเอาใจนักหนา ตัดไม้ ทำลายป่า ล่าสัตว์ ตำรวจก็ไม่อยากดำเนินคดี ถ้าดำเนินคดีอัยการส่งฟ้องก็มีการลงโทษแบบแค่แสบๆ คันๆ

ขนาดคดีล่าช้างต้องยิงช้างทิ้งทั้งโขลง อาวุธที่ใช้เป็นอาก้า ซึ่งเป็นอาวุธสงคราม ศาลยังลงโทษจำคุกเพียงแค่ 4 ปี

เมื่อเป็นแบบนี้ต่อไปจะเหลือป่าจะเหลือสัตว์ป่าไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ดูได้ใช้ประโยชน์หรือไม่ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าต้องทำหน้าที่อย่างเข้มงวดต้องจับกุมโดยไม่ละเว้น รัฐบาลต้องเห็นความสำคัญในเรื่องของกำลังพล ในการตรวจลาดตระเวน รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ ให้มันทันสมัย ไม่ใช่มีแต่ลูกซองเก่าๆ หรือ Hk33 ที่แสนจะล้าสมัยแถมลูกปืนต้องหาเอาเองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 มิหนำซ้ำปืนยังมีไม่ครบคนอีกต่างหาก

ตำรวจต้องทำคดีโดยไม่ขี้เกียจหรือบังเอิญเป็นกลุ่มคนที่ตัวเองใช้งานอยู่ อัยการก็ต้องฟ้อง ต้องอุทธรณ์ ต้องฎีกา ในกรณีที่ศาลลงโทษไม่เหมาะสมกับความผิดที่ได้กระทำ ศาลเองก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ความคิดว่าเขาคือผู้ด้อยโอกาส ทำความผิดหนักหนาสาหัสถึงขนาดมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ก็ยังลงโทษเบาหวิว

หรือคนเหล่านี้รุกป่าก็แค่รอลงอาญา ขณะที่คนไทยแท้ๆ ลองกระทำความผิดตามที่กล่าวมาข้างต้นรับรองว่าติดคุกหัวโต กว่าจะจับได้แต่ละราย แต่ละคน ต้องเฝ้าซุ่มต้องลาดตระเวนต้องมีสายข่าว แต่พอคดีถึงศาล ศาลกลายเป็นตัวปัญหา ที่ทำให้กลุ่มผู้กระทำความผิดเหล่านี้ไม่เข็ดหลาบต่อสิ่งที่ตัวเองกระทำ เพราะศาลลงโทษเบาเกินไป เมื่อไหร่จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด กวดขัน และเหมาะสมเสียที บังคับใช้โดยไม่เลือกว่าใครเป็นใครบังคับใช้กฎหมายโดยเสมอหน้ากันปัญหามันก็จะน้อยลง

ถ้าโลกแห่งวิญญาณ หรือโลกหลังความตายมีจริง ขอส่งวิญญาณ ช้างน้อยที่น่าสงสารให้ไปสถิตย์อยู่ ณ สรวงสวรรค์ เพื่อชดเชยกับ ความเจ็บปวดความโหดร้ายที่ได้รับในช่วงที่มีชีวิตบนโลกใบนี้ด้วยเถอะ

#เด็ดหัวพรานหนึ่งคนมีราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทผมยังจ่ายเป็นปกติอยู่นะ

อ่านถึงตรงนี้…รู้สึกขนหัวลุก!!!

คลิกดูโพสต์ต้นฉบับ เหตุเกิดที่ห้วยคมกฤตในป่าแก่งกระจาน : https://bit.ly/3ao5PCm