เครื่องขุดบิตคอยน์ แหล่งลุงทุนที่แลกมากับการผลาญพลังงาน ไฟฟ้ามหาศาล

เครื่องขุดบิตคอยน์ แหล่งลุงทุนที่แลกมากับการผลาญพลังงาน ไฟฟ้ามหาศาล ที่นักลงทุนหลายคนยอมแลก

ตั้งแต่มีกระแสติดตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ (บิตคอยน์สกุลเงินดิจิทัล) ก็มีข่าวกรณีขโมยไฟฟ้าออกมาเรื่อยๆเพื่อใช้ขุดบิทคอยน์ หลายคนคงสงสัยว่าเจ้าเครื่องขุดบิทคอยน์นั้น คืออะไรทำงานยังไงทำไมถึงใช้ไฟเยอะ เดียววันนี้เรามาชำแหละเครื่องขุดบิทคอยน์กัน

หนุ่มขโมยไฟหลวง ขุดบิตคอยน์ นาน 6 เดือน

เครื่องขุดบิตคอยน์(บิตคอยน์สกุลเงินดิจิทัล) โดยการผลิตคริปโต หรือในภาษานักลงทุนเรียกว่า “การขุดคริปโต” นั้นใช้ไฟฟ้ามหาศาล เนื่องจากต้องใช้การ์ดจอในการถอดรหัสอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ของเหรียญคริปโต รวมถึงเมื่อต้องเปิดคอมพิวเตอร์ในการขุดเหรียญเป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้คอมฯ ร้อนและเสื่อมสภาพเร็ว จึงจำเป็นจะต้องติดตั้งระบบระบายความร้อน ก็ยิ่งต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้นไปอีก

ดัชนีการใช้ไฟฟ้าของบิทคอยน์ที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (The Cambridge Bitcoin Electricity Consumption Index : CBECI) เผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีการใช้ไฟฟ้าในการขุดบิตคอยน์อยู่ที่ 113.27 เทอราวัตต์ชั่วโมง (TWh) ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ) ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศเนเธอร์แลนด์ทั้งปี จากข้อมูลจะเห็นว่าการทำธุรกรรมผ่านคริปโตนั้นใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมหาศาล

โดยเว็บไซต์ของเหรียญคริปโต XRP ได้เทียบการใช้พลังงานของเหรียญคริปโต 3 ประเภท กับการทำธุรกรรมการเงิน 3 แบบออกมาให้ดูกัน ซึ่งผลปรากฏว่า บิตคอยน์ (Bitcoin) คือเหรียญคริปโตที่ใช้ไฟฟ้าต่อชั่วโมงมากที่สุด อยู่ที่ 951.58 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh) รองลงมาเป็น ‘Ethereum’ 42.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh) ต่อด้วย ‘ธนบัตร’ 0.044 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh) เหรียญ ‘XRP’ 0.0079 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh) ‘Visa’ 0.0008 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh) เมื่อเทียบกับการทำธุรกรรมอื่นๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่า ‘Mastercard’ คือธุรกรรมที่ใช้ไฟฟ้าต่อชั่วโมงน้อยที่สุด อยู่ที่ 0.0006 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh)

ทำไมต้องมีเครื่องขุดบิตคอยน์
การพึ่งวิธีใช้เครื่องทำให้ปริมาณเหรียญบิทคอยน์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ซึ่งการขุดนั้นสามารถทำได้โดยการซื้อเครื่องขุด หรือใช้การ์ดจอ หรือ CPU ในการขุด โดยในปัจจุบันระบบได้พัฒนาการขุดไปเป็นแบบ Cloud Mining ที่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานบนเว็บไซต์

การขุด บิทคอยน์ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้

1 แบบขุดด้วยตัวเอง เป็นวิธีที่นักลงทุนซื้ออุปกรณ์มาขุดด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นการใช้การ์ดจอคุณภาพสูง หรือเครื่อง ASIC Miner ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ประกอบมาเพื่อขุดเหรียญดิจิทัลโดยเฉพาะ โดยมีขั้นตอนการขุดคือสำหรับใครที่จัดสเปคคอมพิวเตอร์พร้อมในการขุดบิตคอยน์แล้ว ให้สมัครกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (Wallet) ที่เป็นตัวกลางในการเก็บเงินดิจิทัลเอาไว้ เมื่อเวลาเราขุดเหรียญออกมาได้ Wallet ก็จะทำหน้าที่เหมือนบัญชีธนาคารที่คอยเก็บเงินเอาไว้ให้

ติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับขุด ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้ในการขุดบิตคอยน์ก็มีมากมายหลายตัวเลือก และแต่ละโปรแกรมก็มีวิธีการใช้งานและความสามารถที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม สามารถรันระบบในโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ เพื่อทำการขุดบิตคอยน์ได้เลย และหากแก้รหัสสำเร็จระบบจะโอนบิตคอยน์เข้า Wallet ที่เราลงทะเบียนไว้ ซึ่งบางซอฟต์แวร์จะมีการกำหนดขั้นต่ำไว้ด้วย เช่น NiceHash Miner มีขั้นต่ำอยู่ที่ 0.0001 BTC ถึงจะโอนเข้า Wallet ได้

จุดเด่นของการขุดแบบนีคือ บิทคอยน์ ได้เงินจากการขุดเต็มๆ ไม่ต้องแบ่งใคร ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องขุดด้วยตัวเอง แต่ก็มีข้อเสีย เรื่องเงินลงทุน ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออุปกรณ์ถ้าอยากจะขุดแบบจริงจัง แถมยังมีเรื่องค่าซ่อมบำรุง ค่าไฟ เนื่องจากต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอด 24 ชั่วโมง และจำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคที่ดีด้วย ถึงจะเหมาะกับการขุดด้วยวิธีนี้

เครื่องขุดบิตคอยน์ แบบประกอบเอง โดยมีชิ้นส่วนสำคัญ ดังนี้

-GPU (การ์ดจอ)

GPU คือหน่วยประมวลผลภาพ หรือการ์ดจอที่ชาวเกมเมอร์รู้จักกันดี สิ่งนี้มีบทบาทสำคัญในการขุดบิทคอยน์มากที่สุด เพราะยิ่งการ์ดจอมีความแรงมากเท่าไร Hashrate ก็ยิ่งมากเท่านั้น

-CPU, Mainboard, RAM, Hard Disk และ PSU

-ลงโปรแกรมขุด

เครื่องขุด Bitcoin สำเร็จรูป

สำหรับใครที่ไม่อยากยุ่งยากในการขุดบิตคอยน์ ก็ลองหาซื้อ เครื่องขุดบิตคอยน์ สำเร็จรูป ที่เรียกว่า ASIC มาไว้ขุดเหรียญได้แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนการขุดที่สูงขึ้นตามประสิทธิภาพ เพราะคุณต้องเตรียมจ่ายทั้งค่าไฟที่สูงขึ้นตามกำลังไฟที่คุณใช้ไปกับอุปกรณ์ขุด

เครื่องขุดบิตคอยน์แบบเช่า

หากคุณไม่อยากประกอบเครื่องขุดเอง เพราะไม่มีเงินทุนและสถานที่วางเครื่องขุดใหญ่ๆ เครื่องขุดบิตคอยน์แบบเช่า หรือ Cloud Mining คือตัวช่วยที่จะทำให้คุณขุดเหรียญได้แบบไม่ยุ่งยาก เพียงคุณจ่ายค่าจ้างเว็บผู้ให้บริการรับขุด Bitcoin ออนไลน์ ซึ่งมีแพ็คเกจไว้ให้เลือกหลายราคาก็ได้เช่นกัน

2 แบบ Cloud Mining คือวิธีที่กำลังได้รับความนิยมมากในตอนนี้ โดยการเช่าบริการขุดจากเหมืองขุดเหรียญต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งช่วยให้คนที่สนใจขุดบิตคอยน์ สามารถเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องอุปกรณ์ หรือบริหารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟฟ้า ที่เป็นปัญหาสำคัญเลยของหลายคน และข้อดีอีกอย่างก็คือ และยังสามารถเปลี่ยนไปขุดเหรียญสกุลอื่นได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ยกชุด

อนึ่ง การขุดบิตคอยน์แบบ Cloud Mining ถือว่าง่ายกว่าการขุดด้วยตัวเองมาก เพียงแค่มีบัญชี Wallet เป็นของตัวเอง แล้วทำการสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ และสามารถเลือกซื้อกำลังขุดและชนิดเหรียญที่ต้องการขุดได้เลย

ข้อดีของการขุดขุดบิตคอยน์แบบ Cloud mining มีทั้ง ที่บ้านเงียบ ไม่จำเป็นต้องมาทนฟังเสียงพัดลมระบายความร้อนจากเครื่องขุด , ไม่ต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่บ้าน , ไม่จำเป็นต้องมานั่งปวดหัวเรื่องขายเครื่องขุดมือสอง เมื่อเครื่องที่ใช้อยู่เริ่มตกรุ่น , ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากอัคคีภัย และ ไม่ต้องมาทะเลาะกับซัพพลายเออร์ที่ขายเครื่องขุด

แต่ก็มีข้อเสียที่คุณควรจะนำมาใช้เป็นตัวประกอบในการตัดสินใจ เสี่ยงต่อการถูกหลอกและโกง การขุดเหรียญที่ในบางครั้งไม่โปร่งใส กำไรค่อนข้างต่ำ

ขอบคุณข้อมูล
Bitkub / urbancreature / CBEC I https://cbeci.org/cbeci/comparisons / XRP | https://bit.ly/3fiEVyT

คลิปอีจันแนะนำ
Rap 13 กัณฑ์ จงจำไว้ให้ดี!