เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงสำรวจพื้นที่ วังพญานาค บ้าน ลุงพล เตรียมกั้นเขตห้ามเข้า !

พญานาคทรุด ! เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงสำรวจพื้นที่ วังพญานาค ข้างบ้าน ลุงพล เตรียมล้อมรั้ว ปักป้ายห้ามเข้าใกล้

หลังจาก วานนี้ (17 มิ.ย.64) นายไชยพล วิภา หรือลุงพล เดินทางเข้าพบอัยการ จังหวัดมุกดาหาร หลังตำรวจ ปทส. สั่งฟ้องคดีไม้หวงห้าม พร้อม 2 ยูทูบเบอร์คนสนิท ต่อมาทางอัยการจังหวัดมุกดาหารได้ให้ ลุงพล ประกันตัวในชั้นอัยการด้วยเงินสด จำนวน 100,000 บาท ส่วนยูทูบเบอร์อีก 2 คน ได้มาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน จึงปล่อยตัวแบบไม่ต้องมีหลักทรัพย์ในการประกัน พร้อมกับนัด ลุงพล พร้อมคู่ความอีกครั้งเป็นนัดแรก ในวันที่ 30 ก.ค.นี้

ลุงพล เข้าพบอัยการจังหวัดมุกดาหาร หลังตำรวจ ปทส. สั่งฟ้องคดีไม้หวงห้าม

วันนี้ (18 มิ.ย.64) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ลงพื้นที่ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งทางยูทูบเบอร์ ช่องกัปตันดั้มซิ่ง ได้มีการถ่ายทอดสดระหว่างที่เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบโดยมีนาย พรภิรมณ์ อุระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร และ นายวีระ ใสแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันป่าที่ มห.2 (ดงหลวง) พร้อมเจ้าหน้าที่ โดยก่อนหน้านี้ พื้นที่ก่อสร้างรูปปั้นองค์พญานาคที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เป็นพื้นที่ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา

1.กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ทำลายป่าไม้หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่น และมาตรา 55 ฐานครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ่วถาง

2.กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานยึดถือครอบครองเข้าทำประโยชน์ ทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ

ต่อมาได้มีการปักป้ายตรวจยึดแต่ยังมีผู้คนเข้าไปทำกิจกรรมใกล้รูปปั้นพญานาคบ่อยครั้ง ซึ่งตอนนี้ ที่ฐานรูปปั้นพญานาคนี้ ดินเริ่มทรุดตัวลงไปอย่างเห็นได้ชัด และโครงสร้างรูปปั้นเริ่มมีรอยร้าว โดยส่วนหาง รูปปั้นพญานาค ดินทรุดตัวกว่า 30 นิ้ว ส่วนลำตัว ตามจุดที่ตั้งเสาเข็ม ทรุดลงกว่า 10-15 นิ้ว หากสังเกตจะดูเหมือนพญานาคตัวลอยขึ้นมา

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปที่นายวีระ ใสแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันป่าที่ มห.2 (ดงหลวง) ได้ให้ข้อมูลที่โทรศัพท์ว่า ในวันนี้ได้ลงพื้นที่พร้อมคณะทำงานโดยมีนายพรภิรมณ์ อุระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับ รูปปั้นพญานาค ที่ได้รับการร้องเรียนว่าตอนนี้สภาพมีสภาพแตกร้าวพร้อมกับมีดินทรุดกว่า 30 นิ้ว จึงออกมาสำรวจสถานที่จริงเพื่อจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็จะมีการนำลวดหนามหรือสิ่งกั้นไม่ให้ใครเข้าใกล้พร้อมกับปักป้ายห้ามเข้าที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในสิ้นเดือนนี้